
แชร์ประสบการณ์ที่ทำเอาเกือบสิ้นชื่อ!
เมื่อวันที่ 13 ก.ค.68 ที่ผ่านมา ผู้ใช้ติ๊กต็อก birdieparva ซึ่งเป็นอินฟลูเอนเซอร์ที่มียอดคนติดตามมากถึง 17.2 K ออกมาแชร์ประสบการณ์ที่เกิดขึ้นแบบไม่มีใครคาดคิดในช่วงเวลาที่กำลังถ่ายคอนเทนต์ โดยเล่าว่า…


“แชร์ประสบการณ์การเป็น Stroke ในวัยเลข 32 ทั้งๆที่ไม่มีโรคประจำตัวอะไรเลย โดยตัวเจ้าปัญหาก็คือ “ส้นสูง” ที่ใช้ถ่ายคอนเทนต์ ซึ่งมีการก้มๆเงยๆคอซ้ำๆบนส้นสูงจำนวน 17 ครั้ง สุดท้ายก็เกิดเรื่อง เมื่อ ผนังหลอดเลือดคอฉีกและเกิดลิ่มเลือดไปอุดตันเส้นเลือดในสมอง อาการแรกที่มาคือ หูอื้อไม่ค่อยได้ยินเสียง,รู้สึกเหมือนจะเป็นลม, ปวดหัวซีกขวามากๆ, ปากเบี้ยว พูดแล้วไม่เป็นคำ, มือและเท้าไม่มีแรง สุดท้ายก็ถูกหามส่งโรงพยาบาลและเข้าห้อง ICU โดยหมอได้วินิจฉัย พบว่าเป็น Stroke หรือโรคเส้นเลือดในสมองตีบ ซึ่งจากผลสแกนพบว่า เส้นเลือดในสมองหายไปเกือบครึ่งหัว เซลล์สมองเสียหายไป 20%
ด้านเจ้าตัวถึงกับลั่นว่า เกือบตุยแต่รอดมาได้ และเกือบเป็นอัมพฤกษ์-อัมพาต แต่คนรอบข้างไหวตัวทัน ส่งตัวทัน Golden period ถึงมือหมอภายใน 4.5 ชั่วโมง ทันผ่าตัดคีบลิ่มเลือดออกจากสมอง ขณะที่สิ่งแรกที่หมอรักษาเมื่อมาถึงเลยคือ ให้ยาสลายลิ่มเลือดแต่ไม่ได้ผล เพราะว่า ดื่มน้ำน้อย, พักผ่อนน้อย ทำแต่งาน, มีความเครียดตลอดเวลา ซึ่งสรุปแล้วการใช้ชีวิตคือแย่มากๆ พอใช้วิธีนี้แล้วไม่หายจึงต้องมีการผ่าตัดคีบลิ่มเลือดออกจากสมอง ซึ่งการทำแบบนี้ก็ไม่สามารถรับประกันได้ว่าจะหายเป็นปกติมั้ย แต่การผ่าตัดก็ผ่านไปได้ด้วยดี และมีแรงปกติครบทั้ง 2 ซีก ถือเป็นผลที่ดีมากๆค่ะ
ทั้งนี้ได้มีการนอนอรักษาตัวอยู่ประมาณ 2 อาทิตย์ และจะต้องทำกายภาพ-แบบฝึกหัดพัฒนาสมองทุกวัน รวมถึงการกายภาพบำบัดด้วยเช่นเดียวกัน โดยเจ้าตัวได้บอกเพิ่มเติมว่าผลข้างเคียงของการเป็นโรคนี้คือ หงุดหงิดตลอดเวลา หน้าบูดบึ้งมากๆ
ท้ายสุดแล้วก็ได้กลับมารักษาตัวที่บ้านและต้องคอยดูแลตัวเอง โดยพักฟื้นเป็นเวลา 1 ปี เพื่อให้สมองกลับมาฟื้นฟูเต็มที่ และปรับพฤติกรรม รวมถึงคุมทุกอย่างตั้งแต่อาหารการกิน อารมณ์ และการออกกำลังกาย ปรับไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตให้ดีมากขึ้นเพื่อไม่เป็นแบบนี้อีก
‘อีจัน’ ยินดีด้วยนะคะที่ตอนนี้ปลอดภัยดีแล้วและขอให้เคสนี้เป็นอุทาหรณ์ให้กับทุกคน หันมาดูแลสุขภาพให้ดีให้มากขึ้นนะคะ
ที่มา: ผู้ใช้ติ๊กต็อก birdieparva