“แบคทีเรียกินเนื้อคน” เกิดขึ้นได้กับทุกคนและหากปล่อยไว้อันตรายถึงชีวิต

ภัยโรคผิวหนัง! หมอเจด ยกเคสเตือน ผู้ป่วยชายเสียชีวิตเพราะ “แบคทีเรียกินเนื้อคน” ชี้ โรคนี้อันตรายถึงตาย แค่แผลเล็ก ๆ ก็ลุกลามถึงชีวิตได้

เอาล่ะสิ! เป็นโรคใกล้ตัวแถมอันตรายไม่ใช่เล่น!  

เมื่อวันที่ 17 มิ.ย.68  ที่ผ่านมา นพ.เจษฎ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ได้โพสต์ข้อความเตือนเกี่ยวกับ โรคแบคทีเรียกินเนื้อคน หรือภาษาไทยเรียกว่า “เนื้อเน่า” ผ่านเพจเฟซบุ๊ก หมอเจด เผยว่า… 

แบคทีเรียกินเนื้อคน อันตรายถึงตุย! เป็นแค่แผลเล็ก ๆ ก็ลุกลามถึงชีวิตได้ 

ช่วงนี้หลายคนอาจได้ยินข่าวผู้ชายวัย 38 ปี เสียชีวิตบนรถทัวร์สายโคราช–เชียงใหม่ พบไม่มีใครทำร้าย ไม่มีอุบัติเหตุ แต่เจอรอยฟกช้ำตรงขา เลือดซึม แล้วสุดท้ายผลชันสูตรสรุปออกมาว่า “เกิดจากแบคทีเรียกินเนื้อคน” ฟังแล้วอาจรู้สึก มันจะขนาดนั้นเลยเหรอ? ก็ต้องบอกเลยว่า ใช่ครับ มันร้ายแรงจริงและอยู่ใกล้กว่าที่คิด 

วันนี้เลยอยากเล่าให้ฟังว่าคืออะไร อันตรายยังไง ใครเสี่ยง และเราป้องกันตัวเองยังไงดี 

1. “แบคทีเรียกินเนื้อคน” คืออะไร? โรคนี้มีชื่อจริงว่า Necrotizing fasciitis หรือภาษาไทยเรียกว่า “เนื้อเน่า” คำว่า “แบคทีเรียกินเนื้อคน” เป็นชื่อที่คนเรียกกันเพราะมันดูน่ากลัว มันเกิดจากแบคทีเรียพวก Streptococcus pyogenes ที่ปกติก็พบได้ทั่วไปในลำคอหรือผิวหนังแต่พอมันมีโอกาสเข้าไปในแผล ไม่ว่าจะเป็นแผลโดนของมีคม แผลโดนน้ำสกปรก หรือแผลหนวดกุ้ง เชื้อนี้จะปล่อยสารพิษออกมา ทำลายเนื้อเยื่อใกล้ ๆจนกลายเป็นเนื้อตาย ความร้ายแรงคือ มันลุกลามเร็วมาก บางคนแค่มีแผลฟกช้ำตอนเช้า ตอนเย็นเนื้อตรงนั้นดำ เปื่อย และเริ่มเน่า และในบางราย ถ้าเชื้อเข้าสู่กระแสเลือด  จะทำให้ติดเชื้อรุนแรง  ความดันก็จะตก ตามมาด้วยอาการช็อกจนถึงขั้นเสียชีวิตในเวลาไม่กี่ชั่วโมง 

2. สัญญาณเตือน ที่ไม่ควรปล่อยผ่าน 

หลายคนคิดว่า แผลธรรมดา ๆ คงไม่เป็นไรหรอกแต่นี่คือโรคที่อาการ “ดูไม่รุนแรง แต่ลุกลามเร็ว” มาก ถ้าเห็นอาการพวกนี้ ให้รีบไปโรงพยาบาลเลยนะ 

•แผลบวมแดงร้อนและเจ็บแบบผิดปกติ (เจ็บมากเกินเหตุ) 

•เริ่มมีตุ่มน้ำใสหรือน้ำเลือด  แล้วผิวหนังเริ่มกลายเป็นสีคล้ำ หรือดำ 

•มีไข้สูง หนาวสั่น คลื่นไส้ อาเจียน เพลีย 

•เหงื่อแตก ใจเต้นแรง เป็นลมง่าย หรือรู้สึกเหมือนจะเป็นไข้ใหญ่ 

•แผลลุกลามเร็วในเวลาไม่กี่ชั่วโมง ขยายวงขึ้นเรื่อย ๆ 

หลายคนตอนแรกเจ็บ ๆ ขา คิดว่าเส้นตึง ไม่กี่ชั่วโมงถัดมา “เนื้อตรงนั้นตายแล้ว”ถึงขั้นต้องตัดขาเลยก็มี  

3. ใครเสี่ยงบ้าง? ไม่ต้องรอแก่ก็เป็นได้ 

แม้ว่าโรคนี้จะไม่ใช่โรคที่เจอบ่อยมาก แต่คนที่เสี่ยงก็มีเยอะกว่าที่คิด แล้วใครบ้างที่ควรระวังเป็นพิเศษ 

•คนที่มีแผล จากแมลงกัด ของมีคม หรืออุบัติเหตุเล็กน้อย 

•คนเป็นเบาหวาน, โรคตับ, มะเร็ง, วัณโรค, ภูมิคุ้มกันต่ำ 

•คนที่ใช้ยา Steroid หรือยากดภูมินาน ๆ 

•คนที่ชอบกินเหล้าหนัก ใช้ยาเสพติด หรือร่างกายอ่อนแอเรื้อรัง 

•คนที่ทำงานลุยน้ำ ลุยโคลน ลุยทุ่ง เช่นชาวนา ชาวสวน นักท่องเที่ยวทะเลที่มีแผล 

ซึ่งก็มีเคสของคนที่ไปทะเล โดนเปลือกหอยบาดนิดเดียว กลับมาสองวัน แผลลุกลาม ติดเชื้อเข้าเส้นเลือดจนต้องตัดขา ในขณะเดียวกันตอนนี้ที่ ญี่ปุ่นเองก็เจอการระบาดของโรคนี้ จากแผลเล็ก ๆ ที่สัมผัสน้ำทะเล น้ำจืด หรือน้ำเสีย ส่วนประเทศไทยก็มีเหมือนกัน โดยเฉพาะในแหล่งน้ำที่ไม่สะอาด หรือน้ำขังตามท้องนา 

4. ถ้าเป็นแล้วรักษายังไง? 

อันนี้สำคัญและอยากจะย้ำกับทุกคน “ถ้าเป็นแล้วต้องรักษาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้” เพราะถ้าเชื้อเข้าสู่กระแสเลือดเมื่อไหร่ โอกาสเสียชีวิตสูงมาก 

วิธีรักษาหลัก ๆ มีดังนี้ครับ 

-รีบผ่าตัดเอาเนื้อตายออกให้หมด เพื่อหยุดการลุกลาม 

-ให้ยาปฏิชีวนะทางเส้นเลือด (แรง และหลายขนานพร้อมกัน) 

-ดูแลภาวะช็อก และระบบไหลเวียนเลือด 

แต่…บางรายจำเป็นต้อง ตัดแขนหรือขา เพื่อรักษาชีวิตไว้ เพราะฉะนั้นเราต้องรีบไปโรงพยาบาล เพราะนั่นอาจจะช่วยให้เรายังมีขาอยู่ หรือช่วยรักษาชีวิตไว้ 

5. ป้องกันยังไง? เริ่มที่แผลเล็ก ๆ ที่เรามักมองข้าม 

โรคนี้ไม่ได้ติดต่อจากคนสู่คนมันเกิดจากแผลที่โดนเชื้อ ลุกลามเข้ากระแสเลือดแปลว่าป้องกันได้ ถ้าเรา “ไม่ประมาทกับแผลเล็ก ๆ” มาดูวิธีง่าย ๆ ที่ทำได้ 

•ถ้าเป็นแผล ต้องล้างแผลทันที ด้วยน้ำสะอาดหรือน้ำเกลือ 

•ทาเบตาดีน หรือยาฆ่าเชื้อ 

•ปิดแผลให้ดี ใช้อุปกรณ์สะอาด เปลี่ยนผ้าพันแผลทุกวัน 

•หลีกเลี่ยงลงสระ อ่างน้ำสาธารณะ หรือแช่น้ำ จนกว่าแผลจะหาย 

•สังเกตอาการผิดปกติของแผล: บวม แดง เจ็บมาก ตุ่มน้ำ คล้ำ หากมีต้องรีบพบแพทย์ 

•ถ้าคุณเป็นเบาหวาน หรือภูมิคุ้มกันต่ำ อย่าเลี้ยงแผลเองเด็ดขาด 

การดูแลแผลที่ดี จะช่วยลดโอกาสเกิดโรคนี้ได้มาก ไม่ต้องรอให้แผลใหญ่ ไม่ต้องรอให้บวมเป่ง ถ้ารู้สึกผิดปกติ รีบไปพบแพทย์ดีกว่า สุดท้าย “แบคทีเรียกินเนื้อคน” อาจฟังดูน่ากลัวแต่สิ่งที่น่ากลัวกว่าคือ “การไม่รู้ ไม่สนใจแผล และไปหาหมอช้าเกินไป” และโรคนี้ไม่ได้ติดจากคนสู่คน ไม่ได้มีเฉพาะในต่างประเทศ ไม่ได้เป็นแค่คนแก่หรือคนติดเชื้อรุนแรง แต่เป็นแผลเล็ก ๆ ที่โดนน้ำสกปรก หนวดกุ้ง หอยบาด หรือแค่เล็บขบ  ถ้าไม่ดูแลให้ดี ก็กลายเป็นเรื่องใหญ่ได้ เพราะฉะนั้น ดูแลแผลให้ดี แค่นี้เราก็ห่างไกลจากโรคนี้ได้อีกเยอะและลดโอกาสเสียชีวิตด้วย  

นี่แหละค่ะ มันเป็นเรื่องใกล้ตัวมากจริงๆค่ะ ใครก็เป็นได้แถมเป็นด้วยพฤติกรรมตัวเองก็ได้อีกเหมือนกัน ระวังกันด้วยนะคะ  

ที่มา: เพจเฟซบุ๊ก หมอเจด https://www.facebook.com/share/p/1RfcUw6PHV/