กทม. แจ้ง รพ.เอกชน เลื่อนฉีดวัคซีน จะไม่ได้รับจัดสรร เพื่อ ป้องกันความสับสน

ผอ.รพ.นมะรักษ์ โพสต์ สำนักอนามัย กทม. แจ้ง รพ.เอกชน ประกาศ เลื่อนฉีดวัคซีน จะไม่ได้รับจัดสรร ป้องกันความสับสน พร้อมแจงปมโพสต์ อยากรู้สาเหตุวัคซีนไม่พร้อมให้ถาม อนุทิน

หลังจาก โรงพยาบาลเอกชน จำนวนมาก ต่างพร้อมใจกันประกาศ เลื่อนฉีดวัคซีนโควิด ให้กับประชาชนที่ลงทะเบียนในระบบ หมอพร้อม เนื่องจากไม่ได้รับการจัดสรรวัคซีนโควิด จากกระทรวงสาธารณสุข เพื่อฉีดให้กับผู้ลงทะเบียนผ่านระบบ หมอพร้อม ในพื้นที่กรุงเทพทั้งหมด สำหรับ รอบวันที่ 14-20 มิถุนายน 2564

โรงพยาบาลเอกชน พร้อมใจ ประกาศ เลื่อนฉีดวัคซีนโควิด จากการลงทะเบียน หมอพร้อม

ซึ่งโรงพยาบาล นมะรักษ์ ก็ถือเป็น 1 ในโรงพยาบาลเอกชนดังกล่าว ซึ่งเมื่อเวลา 18.35 น. รศ.พญ.เยาวนุช คงด่าน ผู้อำนวยการโรงพยาบาล นมะรักษ์ ก็ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวชี้แจงว่า

“ข่าวล่าสุดที่ประกาศ ทางสำนักงานอนามัยกทม. ได้ประชุมด่วนบ่ายนี้ หลังจากเกิดปัญหา เพื่อจัดสรรวัคซีนใหม่ สำหรับโรงพยาบาลที่ยังไม่ประกาศเลื่อน โดยให้เหตุผล

“รพ. ที่ประกาศเลื่อนไปแล้ว จะไม่ได้รับจัดสรรในวันนี้ เนื่องจากไม่อยากให้คนไข้เกิดความสับสน กราบขออภัยมา ณ ที่นี้ครับ “

ดีใจสำหรับโรงพยาบาลที่ได้ แต่คราวหน้าจะมีใครกล้าประกาศเลื่อนมั้ยเนี่ย 555

ไม่เป็นไรค่ะ อย่างน้อยก็ได้เพิ่มการฉีดค่ะ โรงพยาบาลนมะรักษ์ รอวันที่ 21 นะคะ อย่าลืมป้านะคะ ป้าพูดตรงแต่จริงใจนะคะ”

ซึ่งเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา รศ.พญ.เยาวนุช ก็ได้ไลฟ์สดชี้แจงกรณีโพสต์เรื่องการเลื่อนวัคซีนของโรงพยาบาลนมะรักษ์ เฉพาะทางศัลยศาสตร์มะเร็งขนาดเล็ก

โดย รศ.พญ.เยาวนุช กล่าวว่า ประเด็นที่ว่า “หากมีข้อสงสัยให้ติดต่อคอลเซ็นเตอร์ หรือติดต่อรัฐมนตรีสาธารณสุข เพื่อสอบถามสาเหตุความไม่พร้อมของวัคซีน สำหรับผู้สูงอายุและกลุ่มเสี่ยง” แอดมินของเพจ รพ. ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง ตนในฐานะ ผอ.รพ. ขอรับผิดชอบทั้งหมด ซึ่งเรื่องนี้มีที่มาที่ไป

ซึ่งก่อนหน้านั้น 1-2 สัปดาห์ก่อนที่จะถึงวันฉีดวัคซีน ก็มีการประชุมกันผ่านซูม เตรียมความพร้อมทุกรพ.ซึ่งตอนนั้น สธ.แจ้งว่าจะจัดสรรให้เฉพาะ 76 จังหวัด ยกเว้น กทม. หลังจากนั้น กทม.จึงออกมาบอกว่าจะทำ ไทยร่วมใจ ซึ่งเรื่องนี้สร้างความสับสนพอสมควร

จริงๆ เรามีการทำงานและแจ้งข้อมูลกันในไลน์กรุ๊ปของคนที่เกี่ยวกับวัคซีนทั้งประเทศ อีกกลุ่มหนึ่งเป็นไลน์กลุ่มการสื่อสารของสำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร เพื่อแจ้งกับ รพ.ในกทม. ว่าจะจัดสรรเท่าไหร่

โดยวันที่ 7 มิ.ย.64 เท่าที่ตนตีความได้คือ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข จัดสรรมาว่าจะให้วัคซีนกับกทม.เท่าไหร่ แล้วสำนักอนามัยจะตัดยอด เช่น จะฉีดวันที่ 7 มิ.ย. วันที่ 11 มิ.ย. จะตัดยอดว่ามีผู้อยู่ในระบบลงทะเบียนเท่าไหร่

รพ.นมะรักษ์ ได้รับตัวเลขจัดสรรจากสำนักอนามัย กทม.ของคืนวันที่ 11 มิ.ย.ตอนเกือบๆ 12.00 น. เมื่อได้ยอดมาแล้วจะต้องสื่อสารและเตรียมการฉีดภายใน 2 วัน เพราะฉะนั้น เขาจะจัดสรรเป็นรายสัปดาห์

แต่พอจะถึงสัปดาห์วันที่ 14 มิ.ย. นี้ วันที่ 11 มิ.ย. เราเริ่มได้ข่าวว่า ทำไมยอดจัดสรรยังไม่ออก สำนักงานอนามัย กทม. บอกว่ายังไม่ได้รับตัวเลขมาว่าจะได้เท่าไหร่ แต่มีแนวโน้มว่าอาจจะไม่ได้ ซึ่งถ้าเป็นอย่างนี้ คือ แย่แล้ว เพราะเรามีเวลา 2 วันในการสื่อสารให้ประชาชนทราบ แต่รพ.ทั้งรัฐและเอกชน ทุกที่ในกทม.รอกันอย่างมีความหวังว่าจะได้รับการจัดสรร

ต่อมาวันที่ 12 มิ.ย. ก็มีการแจ้งอย่างเป็นทางการว่า วัคซีนสำหรับผู้สูงอายุและกลุ่มเสี่ยงนั้นไม่ได้อย่างแน่นอน

แต่ในขณะเดียวกัน ม.33 เดิมที่บอกว่าจะแจ้งว่าจะเลื่อนไปวันที่ 28 มิ.ย.64 กลับมาวันที่ 14 มิ.ย.64 เหมือนเดิม คำถามคือ มันเกิดอะไรขึ้น ?

แต่ในฐานะที่โรงพยาบาลเราต้องทำ และเท่าที่ดูในไลน์ ทุกคนก็บอกว่าอยากให้ภาครัฐเป็นคนแถลงข่าวออกมาเป็นทางการว่ามันเกิดอะไรขึ้น เพราะที่บอกมาว่าให้รพ.แจ้งเลื่อนเอง โทรเลื่อนเอง ตนบอกเลยว่ายากมากที่จะทำ เพราะเราเคยเกิดสภาวะแบบนี้หลายครั้ง ตนไม่ได้เป็นคนที่ต้องรับแรงกดดัน แต่คนที่ต้องรับแรงกดดันคือ เจ้าหน้าที่ที่จะต้องโทรศัพท์ บางท่านที่ไม่เข้าใจ หงุดหงิด บางทีระบายกับภาครัฐไม่ได้ก็ระบายกับคนรับโทรศัพท์ มีทั้งคนที่เห็นใจ และคนที่ไม่เข้าใจ คนที่ด่าสาดเสียเทเสียเยอะมาก

ตอนที่ทำโปสเตอร์ เราก็คุยว่า เราไม่ไหวแล้ว เพราะเราเจอแบบนี้มาหลายรอบ ก็เลยมีโปสเตอร์ในเวอร์ชั่นแรก ว่า เราไม่ได้รับการจัดสรรจากสำนักอนามัย กทม. ซึ่งมันไม่ได้อยู่ในอำนาจของรพ.ที่จะบอกว่าให้ใครได้ หากท่านมีข้อสงสัยในระบบของรัฐบาล ของหมอพร้อมเขาจะมีคอลเซนเตอร์ ก็ให้โทรตามเบอร์นั้น เพราะทุกคำถามที่ประชาชนถามมาว่าจะได้วัคซีนเมื่อไหร่ จะถูกเลื่อนไปเมื่อไหร่ ล้วนแล้วแต่เป็นคำตอบที่โรงพยาบาลตอบไม่ได้

อีกคำถามหนึ่งที่ยากกว่า คือ ทำไมฉันไม่ได้ ทำไมที่นู้นได้ ทำไมบางจังหวัดได้ ทำไมบางที่ที่ไม่ใช่พื้นที่เสี่ยงได้ ทำไมคนที่แข็งแรงถึงได้ นี่คือคำถามที่ต้องตอบเชิงนโยบาย มันเลยเป็นที่มาว่า หรือติดต่อ รมว.สธ.เพื่อสอบถามสาเหตุความไม่พร้อมของวัคซีนสำหรับผู้สูงอายุและกลุ่มเสี่ยง คือในมุมของตน ตนมองว่า ประเด็นนี้มันต้องมีนโยบายที่จะจัดสรรวัคซีนไปให้ใครอย่างไร แต่พอประชาชนถาม รพ. เราตอบไม่ได้จริงๆ เพราะ ในขณะที่การแถลงข่าว บอกว่า วัคซีนมีพอ นี่จึงเป็นที่มา ถ้าอยากถามประเด็นนี้ ต้องถาม รมว.สธ.

รศ.พญ.เยาวนุช กล่าว ในประเด็นนี้ โรงพยาบาลอื่นอาจจะสุภาพกว่าหมอ หมอยอมรับต้องขอโทษที่หลายคนบอกว่าไม่สุภาพเลย ทำไมพูดแบบนี้ แต่หมอตอบไม่ได้จริงๆ เพราะหมอเจอสิ่งที่ไม่สุภาพกว่า แต่เราต้องการให้ทราบจริงๆ ว่านโยบายมันคืออะไร เราคือผู้ปฏิบัติ เรายินดีที่จะรับทำ

รศ.พญ.เยาวนุช กล่าวต่อ ปกติตนเป็นคนตื่นสาย แต่เช้านี้ก่อน 7 โมง ตนถูกปลุกขึ้นมาด้วยไลน์ที่ลูกน้องส่งมา โดยมีข้อความว่า “เรียนแจ้งผู้บริหารค่ะ เนื่องด้วยประกาศฉบับนี้ เช้านี้เวลาประมาณ 06.50 น. คุณ…หัวหน้าเกี่ยวกับการขออนุมัติเปิด รพ.เอกชน โทรเข้ามาแจ้งว่า ท่าน รมต.และอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ไม่พอใจและจะฟ้องเกี่ยวกับข้อความดังกล่าว ให้ลบข้อความเก่า และลงข้อความใหม่แบบถูกต้อง พร้อมขอโทษภายในเช้าวันนี้

เวลาประมาณ 7.18 โทรมาอีก จะขอเบอร์ อ.นุช บอกว่า รมต.จะคุยเอง น้อง IPD จึงบอกไปว่าให้ไม่ได้

8.10 น. อยากให้โทรกลับก่อน 9.00”

ตื่นมาเจอข้อความแบบนี้ ในสภาวะที่ยังตื่นไม่เต็มที่ ถามว่าหงุดหงิดไหม หงุดหงิด เพราะมันถูกปลุก ในความรู้สึกของเรา ทำไมถึงเป็นข้อความแบบนั้น

ความรู้สึกตอนนั้น หมอรู้สึกว่า เรื่องแค่นี้ มันไม่ได้เป็นอะไรเลย ทำไมถึงต้องทำให้เป็นเรื่องราวที่ใหญ่โต หมอก็โพสต์ไปตอนเช้าหลังตื่นมาว่า เรื่องแบบนี้จริงๆ ก็อธิบายความจริงให้ประชาชนได้ จนกระทั่งอาบน้ำแต่งตัวให้ใจเย็น ให้รู้สึกผ่อนคลาย หลังจากนั้น หมอก็แจ้งไปที่เลขา ว่าช่วยแอดไลน์ท่าน นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ บังเอิญท่านอธิบดีธเรศ ท่านไม่สะดวกพิมพ์ข้อความ สะดวกพิมพ์มาเป็นเสียง หมอก็เก็บข้อความเสียงไว้อยู่ เพราะจริงๆ เราก็ต้องระมัดระวังตัวเหมือนกัน ในฐานะเราที่เป็น รพ.เอกชน

รศ.พญ.เยาวนุช กล่าวต่อ ต้องบอกว่าท่านธเรศ คุยด้วยมิตรจิตมิตรใจในแบบที่เป็นพี่น้องเพื่อนแพทย์ อธิบายให้เข้าใจว่า จริงๆ แล้วไม่ได้จะเป็นเรื่องถึงขั้นฟ้องอะไรหรอก เพียงแต่ว่าท่านรัฐมนตรีไม่สบายใจ เพราะเราเข้าใจผิด ว่าจริงๆ กระบวนการไม่ได้ขึ้นอยู่กับท่านรัฐมนตรี หมอเลยชี้แจงท่านธเรศไปว่าจริงๆ แล้วเจตนาเราไม่ได้ต้องการอะไร เรื่องพวกนี้เราเข้าใจว่าวัคซีนมีจำกัด แต่เราต้องการข้อเท็จจริง เราในที่นี้ไม่ได้หมายถึงตัวเองคนเดียว หมอหมายถึงประชาชนทั่วไป ทุกคนต้องการความจริงว่า ตกลงว่า วัคซีนทั้งหมดมีเท่าไหร่ ท่านใช้เกณฑ์อย่างไรในการจัดสรร จัดสรรไปพื้นที่ไหนเท่าไหร่ พื้นที่เสี่ยงได้เท่าไหร่ พื้นที่ที่ไม่เสี่ยง มียุทธศาสตร์เชิงนโยบายเท่าไหร่ ท่านชี้แจงตรงนี้เลย

แล้วสัปดาห์หน้า เราไม่ได้รับวัคซีนเพราะเหตุผลอะไร หมอว่าประชาชนเข้าใจได้ แล้วจะได้รับเมื่อไหร่ เพราะทาง รพ.ก็ต้องเอาอันนี้ไปชี้แจงประชาชนที่ถาม รพ.เข้ามาอีกที ถ้ารัฐบาล หรือรัฐมนตรีชี้แจงข้อเท็จจริงแบบนี้ อย่าไปใส่อารมณ์ อย่าไปคิดว่าเป็นอารมณ์ เพราะทุกคนมีอารมณ์ รักตัวกลัวตายกันหมด เราอุตส่าห์ช่วยกันรณณรงค์ให้ฉีดวัคซีน ชี้แจงเลยหมอว่าประชาชนเข้าใจได้ ก็บอกท่านธเรศไปว่า อาจารย์รู้ไหมคะ การที่บอกให้ลบโพสต์ ท่านบอกว่าเอาชื่อ รมว.ออก ใช้เป็นศบค.ก็ได้ หรือเป็นอะไรก็ได้ หมอก็บอกว่า อาจารย์รู้ไหมว่าโพสต์นี้ ในโลกยุคนี้ ท่านใช้วิธีนี้กับประชาชน ผลลบจะอยู่กับท่าน เพราะมันออกไปหมดแล้ว การที่ไปแก้มันจะได้ผลลบกับท่านอีกแบบ

ถามว่าถ้าแก้ หมอบอกอาจารย์ไปว่า หมอแก้อย่างนี้ได้ไหม เปลี่ยนเอาชื่อท่านรัฐมนตรีออก แต่เผอิญวันนี้กราฟิกไม่ได้มาทำงานหลายคน และหมอไม่เก่งคอมพิวเตอร์ หมอก็เอาภาพมาแล้วครอป แล้วทับข้อความลงไป เปลี่ยนจากท่าน รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข หรือ ติดต่อหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง

ซึ่งสิ่งนี้ก็เป็นหน้าที่ของรัฐแล้วว่า ใครที่เกี่ยวข้อง ท่านต้องช่วยชี้แจง

ซึ่งประเด็นการเปลี่ยนข้อความแบบนี้ หมอมองว่า กระทรวงสาธารณสุข อาจมีความหวังดีว่าเราเข้าใจคลาดเคลื่อน ซึ่งท่านรัฐมนตรีอนุทินก็เพิ่งแถลงไปว่า กระทรวงสาธารณสุข มีหน้าที่กระจายวัคซีนให้ กทม. กระจายไปแล้ว 5 แสน จะกระจายไปอย่างไร ก็เป็นเรื่องกทม. ไม่เกี่ยวกับท่านอนุทิน

อันนี้ กทม.ก็ต้องตอบว่า 5 แสน นี่ยังไง แต่หมอก็ถามอาจารย์ธเรศไปว่า “ที่เขียนไปไม่ใช่อะไร มันเหมือนเราอยู่ในบ้าน ลูกอยากไปเที่ยว ลูกอยากได้นู้นนี่ แต่แม่ไม่ให้ เราก็ถามพ่อ” ฉะนั้น ถามว่า คนที่จะกำหนดนโนบาย เป็นท่านรัฐมนตรีหรือเปล่า ? แต่ถ้าท่านบอกไม่ใช่ เป็น ศบค. ก็ไม่เป็นไร อันนี้เราก็เข้าใจได้

ดังนั้น โดยเจตนาสำหรับโพสต์แรกที่ให้ถามท่านรัฐมนตรี กระทรวงสาธารณสุข เพราะเป็นประเด็นที่ตอบไม่ได้จริงๆ ว่าทำไมการจัดสรรเป็นแบบนี้ นโยบายเป็นแบบนี้ หมอคิดว่าประเด็นนี้คงจบเท่านี้

ญ.เยาวนุช กล่าวทิ้งท้ายว่า หวังว่าต่อจากนี้ อยากให้รัฐบาล ขอวิงวอนเลย ท่านให้ความจริงกับประชาชน สื่อสารตรงไปตรงมา มีก็บอกว่ามี มีไม่พอก็บอกว่าไม่พอ จะมาประมาณเมื่อไหร่ ประชาชนเข้าใจได้ หมอยังเป็นกำลังใจ หมอทราบว่าคนใน สธ. ทุกท่านในฐานะที่เป็นผู้ปฏิบัติงาน ทำงานเหนื่อยหมด แต่ศึกครั้งนี้ ไม่ต้องการแค่การทำงานอย่างเดียว แต่ต้องการนโยบายที่แน่ชัด ต้องการการสื่อสารที่ชัดเจน ฉับไว ท่านอย่าปล่อยให้คนหน้างานเขาเดียวดาย แล้วเผชิญปัญหาอยู่เพียงลำพัง ขอให้สนับสนุน เพราะท่านมีสื่ออยู่ในมือ ท่านช่วยชี้แจงนำหน้าก่อน เราในฐานะที่เป็นหน่วยงานสนับสนุน เรายินดีที่จะสนับสนุนนโยบายของภาครัฐทุกอย่างในการที่จะพาให้ประเทศชาติผ่านพ้นวิกฤติโควิด-19 ครั้งนี้ไปได้”