กทม. แยกถังขยะ ทิ้ง หน้ากากอนามัย ในที่สาธารณะกว่า 1,000 จุด ป้องกัน โควิด

กทม. แยกถังขยะ สำหรับ ทิ้ง หน้ากากอนามัย โดยจัดตั้ง ในที่สาธารณะกว่า 1,000 จุด พร้อมขอความร่วมมือประชาชน แยกทิ้ง ป้องกัน โควิด

พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวถึง การจัดการขยะในพื้นที่ กทม. โดยเฉพาะหน้ากากอนามัย ที่มีปริมาณเพิ่มสูงขึ้น ในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกใหม่ ว่า กทม.มีปริมาณขยะมูลฝอยติดเชื้อโควิด-19 รวมถึงขยะหน้ากากอนามัยที่เก็บขนและกำจัดจากสถานพยาบาล ซึ่งรักษาผู้ติดเชื้อโควิด-19 และสถานที่สำหรับผู้กักตัว เช่น บ้านพักอาศัย สถานที่กักตัวของรัฐและโรงแรมทางเลือกสำหรับผู้กักตัว ในช่วงการแพร่ระบาดระลอกใหม่ ตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม 2563 – 12 เมษายน 2564 รวมทั้งสิ้น 1,366.29 ตัน หรือเฉลี่ย 11.48 ตัน/วัน

ขณะที่ในช่วงการแพร่ระบาดระลอกใหม่เดือน เมษายน ระหว่างวันที่ 1-12 เมษายน 2564 ปริมาณมูลฝอยติดเชื้อโควิด-19 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเป็น 12.92 ตัน/วัน หรือเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 1.44 ตัน/วัน คิดเป็นร้อยละ 12.5

เพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชนในการทิ้งขยะหน้ากากอนามัย กทม.ได้แยกถึงขยะ โดยจัดตั้งถังขยะรองรับหน้ากากอนามัยเป็นการเฉพาะ (สีส้ม) พร้อมถุงขยะสีแดงสำหรับใส่หน้ากากอนามัยในพื้นที่สาธารณะประมาณ 1,000 จุด

ประกอบด้วย สำนักงานเขต ศูนย์บริการสาธารณสุข กทม. โรงพยาบาลสังกัด กทม. ศาลาว่าการ กทม. (เสาชิงช้า) ศาลาว่าการ กทม. (ดินแดง) โรงเรียนสังกัด กทม. ศูนย์กีฬา กทม. ศูนย์เยาวชน กทม. สถานีดับเพลิง สวนสาธารณะ รวมถึงสถานที่สาธารณะที่เหมาะสม เช่น ตลาด วัด ชุมชน บริเวณหน้าห้างสรรพสินค้า อาคารสำนักงาน และเคหะชุมชนต่างๆ

พร้อมควบคุมดูแลไม่ให้มีการทิ้งมูลฝอยประเภทอื่นๆ ปะปน โดยหน้ากากอนามัยและมูลฝอยติดเชื้อโควิด-19 ที่จัดเก็บได้จะนำไปกำจัดด้วยวิธีการเผาในเตาเผามูลฝอยติดเชื้อที่ศูนย์กำจัดมูลฝอยอ่อนนุชและหนองแขม

ทั้งนี้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวเพิ่มเติมว่า กทม.ต้องขอความร่วมมือประชาชนทิ้งหน้ากากอนามัยที่ใช้แล้วอย่างถูกวิธี และไม่ทิ้งปะปนกับมูลฝอยทั่วไปในครัวเรือน โดยทิ้งใส่ถุงที่ปิดสนิท มัดปากถุงให้แน่น เขียน หรือติดหน้าถุงว่า “หน้ากากอนามัย” แยกทิ้งให้กับรถเก็บขนมูลฝอยของสำนักงานเขต หรือทิ้งในถังรองรับหน้ากากอนามัยเฉพาะ (สีส้ม) ในจุดที่กำหนด เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 และความปลอดภัยต่อสุขภาพอนามัยของผู้ปฏิบัติงานเก็บขนมูลฝอย รวมถึงความสะดวกต่อการเก็บรวบรวมนำไปกำจัดอย่างถูกหลักสุขาภิบาลต่อไป