กระทรวงการอุดมศึกษาฯ มอบ นวัตกรรมระบบควบคุมอุณหภูมิวัคซีน ให้ โรงพยาบาลทั่วประเทศ

กระทรวงการอุดมศึกษาฯ มอบ นวัตกรรมระบบควบคุมอุณหภูมิวัคซีน และ ห้องความดันลบแบบถาวรให้ โรงพยาบาลทั่วประเทศ

ศ.(พิเศษ) ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม หรือ อว. เป็นประธานแถลงข่าว เรื่อง “วิจัยและนวัตกรรมนำไทยสู้ภัย Covid-19” พร้อมแถลงนโยบายและผลงาน อว. วิจัยและนวัตกรรมนำไทยสู้ภัย Covid-19 และผลสำเร็จของงานวิจัยและนวัตกรรม Cold Chain Logistics การพัฒนาโซ่ความเย็นของวัคซีน Covid-19 เพื่อควบคุมอุณหภูมิและติดตาม ตรวจสอบ ย้อนกลับ ในการขนส่งและเก็บรักษา รวมถึงการส่งมอบนวัตกรรมห้อง ICU ความดันลบสำหรับติดตั้งในโรงพยาบาลและโรงพยาบาลสนาม แก่โรงพยาบาล 4 แห่ง คือ ธรรมศาสตร์ ศิริราช ศูนย์การแพทย์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ กรมการแพทย์และกรุงเทพมหานคร

รมว.กระทรวงการอุดมศึกษาฯ กล่าวว่า การระบาดของโควิด -19 สิ่งที่สำคัญในการรับมือ ไม่ใช่เพียงแต่การบริหารจัดการที่ดีเท่านั้น แต่การนำองค์ความรู้ด้านงานวิจัยและนวัตกรรม หรือ ผลงานที่สำเร็จ มาใช้งานได้จริง คือ เครื่องพิสูจน์ ว่า บุคลากร อว. มีประสิทธิภาพเพียงใด ทั้งด้านเทคโนโลยี ด้านนวัตกรรม หรือแม้แต่ด้านการแพทย์ สถานที่รองรับการรักษาและการจัดตั้ง รพ.สนาม เป็นต้น ทั้งนี้ อว.มีจุดแข็ง คือ มีบุคลากรทางการแพทย์ที่เชี่ยวชาญ มีโรงเรียนแพทย์เพื่อรองรับการรักษา และในด้านการสนับสนุนก็พร้อมที่จะเข้าไปช่วยเหลือในทุกๆ ด้าน เช่น การจัดพื้นที่เพื่อ รพ.สนาม การเตรียมพื้นที่เพื่อการฉีดวัคซีน หรือการตรวจหาเชื้อโควิด -19 ดังนั้น ขอให้มั่นใจว่าเราจะก้าวผ่านโควิด -19 ไปได้อย่างแน่นอน

ศ.(พิเศษ) ดร.เอนก กล่าวต่อว่า ที่สำคัญ ขณะนี้ อว.ประสบผลสำเร็จจากงานวิจัยและนวัตกรรมเรื่อง “Cold Chain Logistics: การพัฒนาโซ่ความเย็นของวัคซีนโควิด -19 เพื่อควบคุมอุณหภูมิและติดตามสอบย้อนกลับในการขนส่งและเก็บรักษา” ซึ่งเป็นแพลตฟอร์ม ระบบติดตาม-ตรวจสอบย้อนกลับ “โซ่ความเย็น” วัคซีนโควิด-19 ที่สามารถพัฒนาระบบบริหารจัดการการกระจายวัคซีนได้ตั้งแต่ต้นทาง คือ ผู้ผลิตจนถึงปลาายทางคือผู้ได้รับวัคซีน โดยเป็นการบริหารจัดการด้วยข้อมูลที่ถูกต้อง รวดเร็ว มีประสิทธิภาพ และเป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนดไว้ในเส้นทางการกระจายวัคซีนโควิด -19 พร้อมใช้ห้อง ICU ความดันลบเคลื่อนที่สำหรับติดตั้งในโรงพยาบาลและโรงพยาบาลสนาม ซึ่งได้ส่งมอบให้กับโรงพยาบาล 4 แห่ง ได้แก่ กรมการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ศูนย์การแพทย์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี รวมถึงกรุงเทพมหานคร