(9 พ.ค.64) สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า ที่ บันดาร์เสรีเบกาวัน ประเทศบรูไน ประกาศไม่พบผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ติดต่อกันนานถึง 1 ปี!
ประเทศบรูไน มีประชากรประมาณ 450,000 คน พบผู้ติดเชื้อไวรัสฯ รายแรกเมื่อวันที่ 9 มี.ค.2563 โดยปัจจุบัน บรูไนยังคงออกมาตรการควบคุมพื้นที่พรมแดนและกฎระเบียบในการเดินทางอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ แม้จำนวนนักท่องเที่ยวจะลดลงอย่างมาก
นอกจากนี้ ประเทศบรูไน ยังออกคำสั่งห้ามการรวมตัวของผู้คนจำนวนมากอย่างเคร่งครัด และใช้ระบบติดตามผู้มีประวัติติดต่อใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อและมาตรการกักกันที่รัดกุม เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดในประเทศ
รัฐบาลบรูไนเริ่มโครงการฉีดวัคซีนทั่วประเทศในวันที่ 3 เม.ย.2564 โดยมีผู้ได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แล้วทั้งสิ้น 17,776 คน เมื่อนับถึงวันที่ 5 พ.ค.2564
โดยวัคซีนที่บรูไนอนุมัติให้ใช้ในกรณีฉุกเฉินมีหลายชนิด รวมถึงของออกซ์ฟอร์ด-แอสตราเซเนกา (Oxford-AstraZeneca) ไฟเซอร์-ไอออนเทค (Pfizer-BioNTech) และซิโนฟาร์ม (Sinopharm)
กระทรวงสาธารณสุขของบรูไนระบุว่า “ปัจจุบัน การฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของเรายังอยู่ระหว่างดำเนินการในระยะที่ 1 ซึ่งเป็นการฉีดให้แก่กลุ่มผู้ปฏิบัติงานแนวหน้า ผู้ที่กำลังจะไปศึกษาต่อต่างประเทศ และผู้สูงวัยตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป” กระทรวงสาธารณสุข ยังคงสนับสนุนให้ประชาชน เข้าร่วมโครงการฉีดวัคซีน โดยระบุว่า แม้จะไม่มีการออกคำสั่งบังคับให้ทุกคนต้องได้รับวัคซีน แต่ประชาชนและผู้อยู่อาศัยทุกคนในบรูไนล้วนยังมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ
แม้จะปลอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ ครบ 365 วัน แต่รัฐบาลบรูไนก็ยังมีรายงานการติดเชื้อในกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มาเยือนบรูไน ซึ่งบรูไนได้มีการจำกัดจำนวนผู้เดินทางอย่างเคร่งครัด