จากกรณีหนุ่มใหญ่ชาวเชียงใหม่ ได้ฉีดวัคซีนโควิด-19 โดยเข็มแรกเป็น วัคซีนซิโนแวค แต่เข็มที่ 2 กลับกลายเป็น วัคซีนแอสตราเซเนกา สร้างความตกใจและหวาดวิตกให้กับผู้ที่ได้รับวัคซีนเป็นอย่างมากว่าหากมีการฉีดวัคซีน 2 ยี่ห้อ แล้วจะมีผลข้างเคียงหรือไม่อย่างไร
ซึ่งในช่วงเช้า วันนี้ (16 มิ.ย.64) นายอดุลย์ ดวงสร้อย อายุ 52 ปี ชายผู้ที่ได้รับวัคซีน 2 ยี่ห้อ ได้เดินทางไปที่ โรงพยาบาลนครพิงค์ อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ เพื่อขอคำชี้แจงจากทางโรงพยาบาลแล้ว
โดย พ.ญ.ลัดดาวัลย์ หาญไพโรจน์ รองผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์ ได้พานายอดุลย์ไปดูขั้นตอนต่างๆ ตั้งแต่การลงทะเบียน ตรวจสอบประวัติในฐานข้อมูล รวมทั้งขั้นตอนในการ ฉีดวัคซีน ที่มีการแยกห้องของวัคซีนทั้ง 2 ยี่ห้อและจะมีเจ้าหน้าที่สอบถามข้อมูลเพื่อยืนยันความถูกต้องก่อนรับการ ฉีดวัคซีน
พ.ญ.ลัดดาวัลย์ ระบุว่า จากการตรวจสอบฐานข้อมูล ยืนยันว่า นายอดุลย์ได้รับ วัคซีนซิโนแวค ทั้ง 2 โดส แต่ข้อมูลที่ระบุในใบรับรองเกิดจากความคลาดเคลื่อนในขั้นตอนการลงบันทึกข้อมูลชนิดวัคซีนในฐานข้อมูล ทำให้ข้อมูลในใบรับรองมีความคลาดเคลื่อนไปด้วย ซึ่งทางโรงพยาบาลได้แก้ปัญหาด้วยการปรับระบบ ให้ใช้วิธียิงบาร์โค้ดของล็อตนัมเบอร์วัคซีนแทนการเลือกล็อตนัมเบอร์ของเจ้าหน้าที่ เพื่อตัดปัญหาการเลือกไม่ถูกช่อง รวมทั้ง เพิ่มขั้นตอนการตรวจสอบใบรับรอง โดยการแนบกล่องวัคซีนให้ผู้รับบริการเพื่อใช้ตรวจสอบ serial number ก่อนออกใบรับรองเพื่อลดความคลาดเคลื่อน
ส่วนการฉีดวัคซีน 2 ชนิดในร่างกาย พ.ญ.ลัดดาวัลย์ บอกว่า ในตอนนี้มีการวิจัยในต่างประเทศพบว่ามีความปลอดภัย และ ภูมิต้านทานสามารถขึ้นได้ดีเหมือนกัน ไม่ได้เป็นอันตรายอะไรและหากฉีดต่างยี่ห้อ ก็ไม่ต้องฉีดซ้ำอีก
ซึ่งนับตั้งแต่มีการฉีดวัคซีนโควิด เกิดข้อผิดพลาดในลักษณะนี้ประมาณสิบกว่าราย ทุกรายมาจากสาเหตุลงล็อตนัมเบอร์ผิดเหมือนกัน และ ได้แจ้งแก้ไขทั้งหมดและออกใบรับรองที่ถูกต้องให้ใหม่แล้ว
ด้าน นายอดุลย์ หลังได้รับการชี้แจง ก็รู้สึกสบายใจขึ้น พร้อมกับฝากทางโรงพยาบาลให้รัดกุมรอบคอบในการบันทึกข้อมูลให้กับผู้เข้ารับบริการ เพราะมีผลกระทบอย่างมาก อย่างเช่นตนเองที่กังวลจนนอนไม่หลับ