วัคซีนแอสตร้าเซเนก้า มีผลข้างเคียงกับคนอายุน้อย และ ผู้หญิงมีอาการมากกว่าผู้ชาย

นพ.ยง ภู่วรวรรณ เผย วัคซีนแอสตร้าเซเนก้า มีอาการข้างเคียงน้อยกว่า ซิโนแวค และมีผลข้างเคียงกับคนอายุน้อยมากกว่าผู้สูงอายุ ผู้หญิงจะมีอาการมากกว่าผู้ชาย

(11 มิ.ย.64) นายแพทย์ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทาง ด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทย์ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เผยถึงผลข้างเคียงการฉีดวัคซีน มีอาการข้างเคียงและอาการไม่พึงประสงค์ ว่า ในช่วงต้นการฉีดวัคซีน วัคซีนที่ใช้ส่วนใหญ่จะเป็น Sinovac และในผู้สูงอายุจะใช้ AstraZeneca ปัญหาอาการข้างเคียงที่เกิดขึ้นจะไม่ค่อยพบมาก

ขณะนี้การใช้วัคซีนจะเป็น AstraZeneca เป็นหลักและจะต้องมีการใช้ต่อไปอีกเป็นจำนวนมาก Sinovac จะเป็นตัวเสริม จากการศึกษาของศูนย์ฯ ที่ได้ฉีดวัคซีนทั้ง 2 ชนิดในทุกอายุตั้งแต่อายุ 18 ปีขึ้นไป อยากจะบอกว่า วัคซีน Sinovac มีอาการข้างเคียงน้อยกว่า AstraZeneca โดยเฉพาะในเรื่องไข้ ปวดบริเวณที่ฉีด เมื่อยเนื้อเมื่อยตัวเหมือนเป็นไข้หวัดใหญ่ ปวดศีรษะ “ขนาดการศึกษานี้ผู้ป่วยฉีดวัคซีน AstraZeneca เราแจกพาราเซตามอลกลับบ้านด้วยซ้ำ”

รูปข้างล่างแสดงให้เห็น ถึงการเปรียบเทียบการศึกษาของศูนย์ฯ เห็นความแตกต่างได้ชัดเจน อาการที่เกิดขึ้นจากวัคซีน AstraZeneca จะพบว่า อายุน้อยมากกว่าผู้สูงอายุและผู้หญิงจะมีอาการมากกว่าผู้ชาย ซึ่งเมื่อดูอาการข้างเคียงเปรียบเทียบกับวัคซีนที่ฉีดในต่างประเทศโดยเฉพาะวัคซีนในกลุ่ม mRNA แล้วไม่ต่างกันเลย ส่วนวัคซีน Sinovac อาการข้างเคียงดังกล่าวน้อยกว่ามาก ดังแสดงในรูป

ดังนั้นผู้ที่ฉีดวัคซีน AstraZeneca ถ้ามีไข้หรือปวดศีรษะ ท้องเสียอาเจียน ปวดเมื่อยตามตัว คล้ายไข้หวัดใหญ่ ถือเป็นอาการที่พบได้ หลังการฉีดวัคซีน ดังนั้นหลังฉีดเมื่อกลับไปถึงบ้านถ้ามีอาการดังกล่าว รับประทานยาพาราเซตามอลได้เลย ไม่ต้องรอให้ไข้ขึ้นสูงหรือปวดเมื่อยเนื้อเมื่อยตัวและสามารถทานซ้ำได้ทุก 4-6 ชั่วโมง อาการดังกล่าวจะอยู่ประมาณ 1-2 วัน ก็จะหายเป็นปกติ นอกจากว่ามีอาการมาก เช่น ไข้สูงติดต่อกันหลายวัน หรือสูงมาก ปวดศีรษะอย่างรุนแรง และรับประทานยาแล้วไม่หาย ก็ควรจะปรึกษาแพทย์

ถ้าทุกคนเข้าใจจะได้ไม่เกิดวิตกกังวล ไม่ว่าจะเป็นวัคซีนในกลุ่ม Virus Vector (AstraZeneca) หรือ mRNA (Pfizer, Moderna) วัคซีนจะมีอาการข้างเคียงได้มากกว่าวัคซีนชนิดเชื้อตาย (Sinovac, Sinopharm) ตามหลักฐานเชิงประจักษ์

ขอบคุณข้อมูลและภาพ : FB ยง ภู่วรวรรณ