นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค และผู้เกี่ยวข้องอื่นๆ ร่วมแถลงสถานการณ์โควิด 19 แนวทางควบคุมป้องกันและการรักษาพยาบาล
โดย นพ.เกียรติภูมิ กล่าวว่า ขณะนี้ประเทศไทยยังพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นทุกภูมิภาค ทำให้ผู้ป่วยปอดอักเสบ ใส่ท่อช่วยหายใจ และเสียชีวิต มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นด้วย แต่ยังเป็นสัดส่วนที่ลดลง โดยผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ มีโรคเรื้อรัง และยังไม่ได้ฉีดวัคซีน จึงขอให้ประชาชนยังต้องเข้มมาตรการป้องกันตนเองสูงสุดตลอดเวลา และฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าจะมีผู้ป่วยปอดอักเสบประมาณ 1 พันกว่าราย ผู้ป่วยใส่ท่อช่วยหายใจประมาณ 400-500 ราย ต่ำกว่าช่วงสายพันธุ์เดลตาที่ผู้ป่วยปอดอักเสบประมาณ 6-7 พันราย และใส่ท่อช่วยหายใจ 1,300 ราย ระบบสาธารณสุขจึงสามารถรองรับได้
โดยขณะนี้เตียงทั่วประเทศใช้ไปประมาณ 59% ส่วนใหญ่เป็นเตียงระดับ 1 สำหรับผู้มีอาการน้อย ส่วนเตียงระดับ 2 และ 3 ใช้ประมาณ 20% เท่านั้น ขณะที่ยาฟาวิพิราเวียร์ สำรองไว้ทั่วประเทศ 16.9 ล้านเม็ด ช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน องค์การเภสัชกรรมสามารถผลิตได้อีก 63.8 ล้านเม็ด รวมถึงสั่งซื้อเพิ่มเติมด้วย รวมทั้งสิ้น 87.6 ล้านเม็ด วันนี้ส่งไปพื้นที่แล้ว 5 ล้านเม็ด และวันที่ 1 มีนาคม จะส่งเพิ่มอีก 15 ล้านเม็ด พร้อมทั้งเพิ่มบริการตรวจรักษาผู้ป่วยโควิด 19 แบบผู้ป่วยนอกสำหรับผู้สมัครใจ เพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์และประชาชนเข้าถึงบริการมากขึ้น
ด้าน นพ.โอภาส กล่าวว่า การแพร่ระบาดของโควิด 19 ในประเทศไทยขณะนี้เป็นสายพันธุ์โอมิครอนเกือบทั้งหมด ซึ่งในทวีปยุโรปและอเมริกาพบการระบาดมากในช่วง 1-2 เดือน จากนั้นจะเริ่มลดลง ดังนั้น จึงคาดว่าประเทศไทยจะยังมีผู้ป่วยสูงขึ้นในช่วง 2-6 สัปดาห์นี้ ซึ่งผู้ที่เสียชีวิตส่วนใหญ่พบว่าไม่ได้ฉีดเข็มกระตุ้น ดังนั้น ต้องเร่งการฉีดเข็มกระตุ้น รวมถึงเร่งฉีดในเด็กที่พบการติดเชื้อเพิ่มมากขึ้นกว่า 10% ด้วย