หมอมนูญ แนะ คนไทย เรียนรู้ อยู่ร่วมกับ โควิด

หมอมนูญ แนะ คนไทย เรียนรู้ อยู่ร่วมกับ โควิด ชี้ รัฐควรดูแล กลุ่มเสี่ยง เพราะ ต้องคำนึงถึง เศรษฐกิจ ประเทศด้วย

นายแพทย์มนูญ ลีเชวงวงศ์ หัวหน้าโรคระบบทางเดินหายใจ โรงพยาบาลวิชัยยุทธ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “หมอมนูญ ลีเชวงวงศ์ FC” ใจความว่า เชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน แพร่เร็วมากกว่าสายพันธุ์เดลต้า 3 เท่า เมื่อเชื้อเปลี่ยนไป และ 70% ของประชากรไทยได้รับการฉีดวัคซีน 2 เข็ม และ 25% ของประชากรได้รับวัคซีนเข็ม 3 แล้ว ประเทศไทยควรปรับแนวทางการรับมือสายพันธุ์โอมิครอนเหมือนหลายๆประเทศ ให้คนไทยเรียนรู้อยู่ร่วมกับโควิด ไม่ใช่เน้นแต่ดูแลรักษาโรคนี้อย่างเดียว ต้องคำนึงถึงงบประมาณ และเศรษฐกิจของประเทศด้วย

หลายประเทศยกเลิกการตรวจค้นหา และยืนยันการติดเชื้อด้วยวิธี RT-PCR เพราะสิ้นเปลืองงบประมาณมากเกินไป ให้ตรวจ RT-PCR เฉพาะคนไข้กลุ่มเสี่ยงที่มีอาการต้องนอนรักษาในโรงพยาบาล คนไข้ในบ้านพักคนชราและศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ

ผู้ที่รู้ตัวว่าติดเชื้อ ด้วยการตรวจ ATK แม้จะไม่มีอาการหรืออาการน้อย ในหลายประเทศปล่อยให้ผู้ติดเชื้อรับผิดชอบตัวเองและสังคม โดยการรักษาตัวเอง กินยาสามัญประจำบ้านตามอาการ กักตัวที่บ้านอย่างน้อย 5 วัน ใส่หน้ากากอนามัย เว้นระยะห่างและหมั่นล้างมือ เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อให้ผู้อื่น ไม่ต้องไปกักตัวที่โรงพยาบาล ฮอสปิเทล หรือศูนย์พักคอยในชุมชน

รัฐไม่ต้องส่งอาหาร ยาฟาวิพิราเวียร์ปรอท เครื่องวัดออกซิเจนที่ปลายนิ้วฟรี ให้กับผู้ติดเชื้อทุกคน ควรเลือกให้เฉพาะกลุ่มเสี่ยง ผู้สูงอายุ ผู้ที่มีโรคประจำตัวเรื้อรัง 7 โรค หญิงตั้งครรภ์ และผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีนแม้แต่เข็มเดียว

ปัจจุบันโรคโควิด-19 ถูกจัดเป็นภาวะฉุกเฉินวิกฤต (UCEP Covid) รักษาฟรีได้ในทุกโรงพยาบาล สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เตรียมยกเลิกโรคโควิด-19 จากภาวะฉุกเฉินวิกฤตรักษาได้ทุกที่ หากไปรพ.เอกชนต้องจ่ายเอง ยกเว้นมีอาการฉุกเฉิน เช่นไข้สูง หอบ เหนื่อย ไม่ค่อยรู้ตัว เพราะรัฐแบกรับภาระค่าใช้จ่ายไม่ไหว ซึ่งผมเห็นด้วยเพราะรัฐต้องเก็บงบประมาณไว้ดูแลรักษาโรคอื่นๆด้วย รัฐต้องสื่อสารให้ประชาชนเข้าใจ อย่าวิตกกังวลมากเกินไป

คลิปแนะนำอีจัน
จดแจ้งคู่รัก ครั้งแรกของไทย!