ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก Yong Poovorawan โดยมีใจความว่า การฉีดวัคซีนโควิด-19 เข็มกระตุ้น เข็ม 3 ในปัจจุบันมีความจำเป็นที่จะต้องฉีดให้ครบตามหลัก วัคซีน ที่มี primary วัคซีน 2 โดส แล้วตามด้วยเข็มกระตุ้นเข็ม 3 เพื่อให้ได้ภูมิคุ้มกันที่สูงและอยู่นานขึ้น ตามหลักของการให้วัคซีน ทั้งนี้ผลการให้วัคซีนเบื้องต้นในสูตรต่าง ๆ ที่ใช้ในประเทศไทยทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น Sinovac, Sinopharm, AstraZeneca , สูตรสลับ SV/AZ, และกระตุ้นด้วย Moderna พบว่า จากการที่วัคซีน Moderna มี mRNA 100 ไมโครกรัม ขณะที่ Pfizer มี mRNA 30 ไมโครกรัม แต่ก็ไม่สามารถเปรียบเทียบกันได้ เพราะกระบวนการผลิตไม่เหมือนกัน
อย่างไรก็ตามปริมาณ mRNA ที่มาก จะสามารถกระตุ้นภูมิต้านทานได้สูงมาก โดยเฉพาะเข็มกระตุ้น แต่ก็จะมีอาการข้างเคียงที่มากกว่า การศึกษานี้จึงมีทั้งการให้ Moderna แบบเต็มโดสและครึ่งโดส ซึ่งจะกระตุ้นได้ดี ไม่ว่าจะเป็นการฉีดเบื้องต้น 2 เข็มมาแล้ว ในสูตรเกือบทุกชนิด อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่า การให้วัคซีนเชื้อตาย 2 เข็มมาก่อน จะกระตุ้นภูมิต้านทานได้สูงมาก สูงกว่าการให้ไวรัสเวกเตอร์ นำมาก่อน
การให้วัคซีน Moderna เป็นเข็มกระตุ้นให้เพียงครึ่งเดียวก็เพียงพอ เพื่อลดอาการข้างเคียงด้วย ซึ่งการทำการศึกษาครั้งนี้ เราได้ทำการศึกษาทั้ง ภูมิต้านทาน โดยตรวจ 2 วิธี นอกจากนี้ ยังได้ทำการศึกษา sVNT ต่อไวรัสทั้งสายพันธุ์ อู่ฮั่น แอลฟา เบต้า และ เดลต้า และโอมิครอน รวมทั้งการศึกษา FRNT ด้วยไวรัสเชื้อเป็น สายพันธุ์เดลต้าและโอมิครอน ซึ่งจากข้อมูลพบว่าแสดงผลการยับยั้งสายพันธุ์เดลต้าและโอมิครอนได้เป็นอย่างดี แสดงว่าที่ผ่านมาประเทศไทยได้เดินมาถูกทางแล้ว
ขณะนี้มีการศึกษาการให้วัคซีนเชื้อตายก่อน 2 เข็ม แล้วตามด้วยวัคซีนกระตุ้น ด้วยไวรัสเวกเตอร์ mRNA กันออกมามากในต่างประเทศ ซึ่งการศึกษาทั้งหมดแสดงให้เห็นว่า การให้วัคซีนในสูตรสลับ มีประสิทธิภาพในการป้องกันได้เป็นอย่างดี
คลิปแนะนำอีจัน
ผู้หญิง ไม่ตายก็หาใหม่ได้ลูก