วันนี้ (10 มิ.ย.64) ที่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้เปิดเผยต่อสื่อมวลชนว่า รัฐบาลไทยมีการเจรจาจัดหาวัคซีนโควิด เพิ่มเติมกับทุกบริษัท
ล่าสุด วันนี้ อธิบดีกรมควบคุมโรค ได้ลงนามเอกสารสัญญาจองซื้อวัคซีนกับ ไฟเซอร์ แล้ว
หลังจากนั้นจะทำบันทึกความตกลงการจัดซื้อวัคซีน โดยจะมีการกำหนดเรื่องของราคา และเงื่อนไข ภายใน 4 สัปดาห์ ซึ่งจากนี้ทางไฟเซอร์จะต้องส่งเอกสารผ่านระบบ E-Submission เพื่อยื่นขึ้นทะเบียนวัคซีนกับทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ส่วนวัคซีนของจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสันนั้น เอกสารสัญญาทางสำนักงานอัยการสูงสุดพิจารณากลับมาแล้ว อยู่ระหว่างบริษัทผู้ผลิตที่สหรัฐอเมริกาตอบกลับมา หากทุกอย่างเรียบร้อยจะมีการจัดซื้อวัคซีนของไฟเซอร์ 20 ล้านโดส และจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน 5 ล้านโดส ภายในปี 2564
ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุข ได้จัดหาวัคซีนมาให้แก่ประชาชนอย่างต่อเนื่อง จากทั้งผู้ผลิตวัคซีนรายใหม่ รูปแบบ และเทคโนโลยีใหม่ ส่วนการฉีดวัคซีนโควิดกระตุ้นทุกปีหรือไม่ ขณะนี้ยังไม่มีผลทางวิชาการที่ชัดเจนถึงระยะเวลาของประสิทธิผลวัคซีน จึงควรมีการฉีดซ้ำเช่นเดียวกับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ที่ต้องฉีดกระตุ้นทุกปี ส่วนจะฉีดกี่เข็มขึ้นกับผลการศึกษา และข้อบ่งชี้การใช้ของวัคซีนแต่ละชนิดที่นำเข้ามาใช้ หากมีแบบเข็มเดียวก็ฉีดเพียงเข็มเดียว เป็นต้น
“ตั้งแต่เริ่มฉีดวัคซีนโควิด เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ จนถึงสิ้นเดือนมิถุนายน เราจะมีคนฉีดวัคซีนรวมกว่า 10 ล้านคน และจะฉีดต่อเนื่องให้ประชาชนจนถึงสิ้นปี ยืนยันว่าประเทศไทยไม่มีคำว่าขาดวัคซีน เนื่องจากมีทั้งวัคซีนของ แอสตราเซนเนกาและ ซิโนแวค ทยอยส่งมอบ โดยสัปดาห์หน้าจะมีวัคซีนแอสตราเซนเนกาส่งให้ตามที่กำหนดและส่งมอบจนครบ รวมถึงอีกประมาณ 3 เดือน คาดว่าจะมีวัคซีนของผู้ผลิตรายอื่นๆ ที่เซ็นสัญญาทยอยส่งมา สิ่งสำคัญคือการบริหารจัดการการฉีดวัคซีนให้เหมาะสมกับจำนวนที่มี เพื่อให้มีวัคซีนฉีดอย่างต่อเนื่อง ไม่เกิดการหยุดชะงักหรือรอวัคซีนในช่วงจัดส่งที่อาจทำให้เกิดความกังวลใจกันได้” นายอนุทินกล่าว