อย่าถอดแมสก์ สธ.เตือน ไม่สวมแมสก์ โอกาสติดโควิดสูงลิ่ว!

ทนรำคาญแมสก์ที่ใส่ ดีกว่าเสี่ยงโควิด! สธ.เตือน ไม่สวมแมสก์ โอกาสติดโควิดสูงลิ่ว ถึง 90 เปอร์เซ็น!

ตั้งแต่ชีวิตชาวโลกมีโควิด เข้ามาย่างกราย เราต่างก็มีอุปกรณ์ที่เป็นเหมือนปัจจัยที่ 4-5 เพิ่มเข้ามาก็คือแมสก์ หรือหน้าการอนามัย แม้บางครั้งมันจะทำให้การใช้ชีวิตลำบากขึ้นบ้าง แต่รู้ไหมว่าหากเราละเลย โอกาสที่จะติดโควิดสูงมาก

ก่อนหน้านี้ กรมควบคุมโรคกระทรวงสาธารณสุขออกมาให้ข้อมูลว่า หากไม่สวมแมสก์และพูดคุยกับคนที่มีเชื้อโควิด-19 เรามีโอกาส ได้รับเชื้อสูงถึง 90 เปอร์เซ็นต์ แต่หากคนมีเชื้อไม่สวมแมสก์ แต่เราไม่สวมแมสก์ มีโอกาสแพร่เชื้อ 70 เปอร์เซ็นต์และคนมีเชื้อ สวมหน้ากากอนามัย เราก็สวมมีโอกาสแพร่เชื้อ 5 เปอร์เซ็นต์ สุดท้ายสบายใจสุดก็คือ คนที่มีเชื้อ สวมหน้ากากอนามัย เราก็สวม แถมอยู่ห่างกันอีก มีโอกาสแพร่เชื้อเพียง 1.5 เปอร์เซ็นต์

ซึ่งหมอมนูญ ลีเชวงวงศ์ ได้เคยให้ความรู้กับเรื่องนี้ว่า การเว้นระยะห่างทางสังคม อย่างไหนสำคัญที่สุดในการป้องกันโรคไวรัสโควิด-19

โดยระบุว่า

ปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์ใช้เทคโนโลยีใหม่ แสงเลเซอร์ ส่อง เวลาคนพูดส่งเสียงดัง ตะโกน ร้องเพลง ไอ หรือจาม ทำให้เห็นละอองน้ำทั้งใหญ่และเล็ก ลอยออกมาในอากาศจากปากและจมูก ออกมาไกลกว่า 2 เมตร เวลาจามไปได้ไกลถึง 8 เมตร ละอองใหญ่มีน้ำหนักจะตกลงพื้นในระยะ 1-2 เมตร ละอองฝอยจะลอยต่อเนื่อง เมื่อน้ำในละอองฝอยระเหยออกไป

เชื้อไวรัสโควิด-19 สามารถล่องลอยในอากาศไปได้ไกล มีชีวิตนานเป็นชั่วโมง แล้วแต่ทิศทางลมพาไป เมื่อคนที่อยู่ในห้องเดียวกับผู้ป่วยที่อากาศปิด ถ่ายเทไม่ดี หายใจอากาศที่ปนเปื้อนเชื้อไวรัส ลงลึกเข้าไปในถุงลมในปอด ทำให้ปอดติดเชื้อ

คนที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่วนใหญ่มีอาการไข้ ไอ เหนื่อย ซึ่งเป็นอาการทางเดินหายใจส่วนล่างคือถุงลมในปอด แต่มีอาการทางเดินหายใจส่วนบน (น้ำมูกไหล คัดจมูก เจ็บคอ) น้อย แสดงว่าการติดเชื้อส่วนใหญ่ เกิดจากการหายใจละอองฝอยลงถุงลมในปอด มากกว่าหายใจละอองใหญ่ติดเชื้อในจมูก แล้วเคลื่อนที่ลงปอดทีหลัง หรือเกิดจากการติดเชื้อทางอ้อมคือเอานิ้วมือที่ไปสัมผัสกับเชื้อไวรัสโควิด-19 ปนเปื้อนบนพื้นผิวมาแคะจมูก ขยี้ตา

ทางเข้าของเชื้อโรคไวรัสโควิด-19 ที่ทำให้คนติดเชื้อส่วนใหญ่น่าจะเป็นถุงลม เพราะมีตัวรับ ACE2 เยอะมากจากการหายใจละอองฝอย มากกว่าทางเดินหายใจส่วนบนจากการเอานิ้วมือมาแคะจมูก ขยี้ตา บริเวณปากของรูจมูกไม่มีตัวรับ ACE2 ตัวรับจะอยู่ลึกเข้าไปในรูจมูก ต้องใช้นิ้วมือแยงถึงจะเข้าถึงตัวรับ การเอามือมาจับหน้า ลูบจมูก แต่ไม่ได้ล้วงลึกเข้าไปในจมูก ไม่น่าจะทำให้เกิดการติดเชื้อได้

การล้างมือด้วยน้ำและสบู่ หรือแอลกอฮอล์เจลก่อนเอานิ้วมือมาแคะขี้มูก แคะจมูก ขยี้ตา ป้องกันการติดเชื้อทางอ้อมนี้ได้

การเว้นระยะห่าง 2 เมตรก็ยังไม่ปลอดภัย เชื้อไวรัสโควิด-19 สามารถแพร่กระจายผ่านละอองฝอยที่เกิดจากผู้ติดเชื้อพูดเสียงดัง ตะโกน ร้องเพลง ไอหรือจามได้ไกลกว่า 2 เมตร

การใส่หน้ากากอนามัยเป็นวิธีป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อที่สำคัญที่สุด หน้ากากจะจับละอองใหญ่และละอองฝอย ไม่ให้ล่องลอยไปไกลๆในอากาศ ละอองส่วนใหญ่จะอยู่รอบๆหน้ากากบริเวณใบหน้าของผู้ติดเชื้อที่พูดเสียงดัง ตะโกน ร้องเพลง ไอ หรือจาม ลดโอกาสคนที่อยู่ใกล้ชิดหายใจเอาเชื้อไวรัสเข้าปอด ยิ่งคนใกล้ชิดสวมหน้ากากอนามัยด้วย โอกาสหายใจเอาเชื้อไวรัสเข้าปอดยิ่งน้อยลง

แน่นอนว่า การสวมหน้ากากอนามัยสามารถลดการติดเชื้อ ตอนนี้สถานการณ์ยังไม่ไว้วางใจ คนไทยต้องช่วยกันใส่หน้ากากอนามัยต่อไปเวลาออกนอกบ้าน เขาใส่เพื่อป้องกันเรา เราใส่เพื่อป้องกันเขา ทุกคนจะปลอดภัยแน่นอน เชื่อจัน