วันนี้ (24 มิ.ย.64) ศูนย์บริหารสถานการณ์ โควิด19 หรือ ศบค. แถลงสถานการณ์โควิด ณ ทำเนียบรัฐบาล โดย พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษก ศบค. เปิดเผยว่า ตัวเลขสะสมทั้งประเทศ เรียงตาม 10 จังหวัดที่ตัวเลขสูงที่สุด กทม.ยังอยู่ที่อันดับ 1 มีผู้ติดเชื้อ 1,359 ราย พบ คลัสเตอร์ใหม่ 3 แห่ง รวม กทม.มีคลัสเตอร์ต้องเฝ้าระวังทั้งสิ้น 99 แห่ง กระจาย 42 เขต ซึ่งเขตพื้นที่ของ กทม. มีทั้งหมด 50 เขต
ซึ่ง 3 คลัสเตอร์ใหม่วันนี้
-แคมป์ก่อสร้าง เขตบางกะปิ ตรวจไป 241 ราย พบติดเชื้อยืนยัน 164 ราย คิดเป็น 68 %
-แคมป์ก่อสร้าง เขตบางรัก ตรวจไป 257 ราย พบติดเชื้อ 126 ราย คิดเป็น 49 %
-บริษัทผลิตหมวกกันน็อก เขตบางขุนเทียน ตรวจไป 600 ราย พบติดเชื้อ 165 ราย คิดเป็น 27.50 % ซึ่งกรณีนี้ ทางกทม.ได้รายงาน พบผู้ติดเชื้อรายแรกไม่ได้มีอาการ และไม่ทราบว่าตนเองติดเชื้อ แต่ไปรับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 เพื่อเตรียมพร้อมในการผ่าตัด เมื่อได้รับการยืนยันว่าติดเชื้อ จึงเกิดการคัดกรองเชิงรุก ตรวจอีก 600 คนในบริษัท และจะยังคงมีการรายงานต่อเนื่อง
พญ.อภิสมัย กล่าวต่อ ในเรื่องของการจัดการเตียงของกทม. และ ปริมณฑล ซึ่งที่ประชุมมีการพูดคุยต่อเนื่องมาหลายสัปดาห์ นายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานช่วยเหลือ กทม.และจังหวัดปริมณฑล ในการเพิ่มศักยภาพขยายเตียง โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อจำกัดคือ เตียงที่รองรับผู้ป่วยระดับอาการรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นสีเหลือง-สีแดง จะต้องเพิ่มศักยภาพ
โดยส่วนหนึ่งในที่ประชุม มีการพูดถึง รพ.บางขุนเทียน และราชพิพัฒน์ ที่มีความพยายามจะยกระดับ ให้สามารถรองรับผู้ป่วยในระดับรุนแรงมากขึ้น รวมทั้งจะมีการหารือกับ รพ.เอกชน โดยปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้มอบหมายให้ทุกภาคส่วน ระดมสรรพกำลัง เพิ่มประสิทธิภาพให้ กทม.และปริมณฑล มีการหารือ รพ.มงกุฎวัฒนะ และ รพ.ธนบุรี พยายามปรับ พื้นที่รพ.ให้รองรับผู้ป่วยกลุ่มอาการรุนแรงได้มากขึ้น รวมถึงมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล และวชิรพยาบาล ใน 3 ส่วนนี้จะมีการระดมบุคลากรเพื่อจะเปิดเตียงรองรับได้อีกกว่า 50 เตียงภายในเดือนนี้
ซึ่งจะมีการระดมบุคลากรจากทุกภาคส่วนของกระทรวงสาธารณสุข แพทย์ทหาร ส่วนจังหวัด รวมถึงแพทย์จบใหม่อีกด้วย รวมถึงการเพิ่ม ทีมสอบสวนโรค ด้วย เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดกระจายเป็นวงกว้าง
นอกจากนี้ที่ประชุม ยังมีการพูดถึงเรื่อง ที่ผู้ป่วยสามารถดูแลตัวเองที่บ้านได้ เป็น Home Isolation ซึ่งยังไม่มีข้อสรุปในส่วนนี้ เพราะยังมีความเสี่ยงที่ต้องพิจารณาหลายจุด