เพจ เรื่องเล่าหมอชายแดน แชร์ประสบการณ์ สุดทรหด ตรวจโควิดเชิงรุก บนดอย บ้านผาผึ้ง จ.ตาก

ตื้นตัน เพจ เรื่องเล่าหมอชายแดน แชร์ประสบการณ์ สุดทรหด ตรวจโควิดเชิงรุก บนดอย บ้านผาผึ้ง จ.ตาก

เรื่องราวสุดตื้นตัน ระหว่างหมอ ผู้ที่อุทิศตนเสี่ยงอันตรายช่วยผู้ป่วย กับชาวบ้านต้องเผชิญกับโรคระบาดร้าย โควิด-19

เรื่องราวนี้ เพจ “เรื่องเล่าหมอชายแดน” ได้แชร์ประสบการณ์ การตรวจโควิด-19 เชิงรุกที่บ้านผาผึ้ง จ.ตาก ว่า “ทีมบุคลากรทางการแพทย์ จากโรงพยาบาลแม่สอดและจาก สสอ.แม่สอด ได้ไปช่วยสอบสวนการระบาดของโรคโควิด-19 คลัสเตอร์บ้านผาผึ้ง เพื่อหนุนทีมโควิดของตากฝั่งตะวันออก แม้ผ่านการสอบสวนโรคมาหลายครั้ง แต่ครั้งนี้ขอยกให้เป็นที่ที่ยากลำดับต้น ๆ เลย..พูดง่าย ๆ ว่างานหินว่ะ

ส่วนสาเหตุ ที่ต้องขึ้นไปสอบสวนโรคถึงบนดอยบ้านผาผึ้ง เนื่องจาก มีการค้นพบผู้ติดเชื้อรายแรกเมื่อ 15 พ.ค. 64 มีอาการหนักใส่ท่อช่วยหายใจไปที่โรงพยาบาลตากสินมหาราช เป็นที่มาทำให้ต้องออกค้นหาผู้ป่วยเชิงรุกในเวลาต่อมา

สำหรับหมู่บ้านผาผึ้ง อ.วังเจ้า จ.ตาก เป็นหมู่บ้านของชนเผ่าม้ง มีประชากรประมาณ 2,400 คน อยู่ห่างจากตัวอำเภอไป 40 กิโลเมตรใช้เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมงครึ่ง ไปตามทางยางมะตอยสลับกับดินลูกรัง มีโค้งหักศอกปราบเซียนอยู่หลายโค้ง เริ่มทางลูกรังเมื่อไหร่สัญญาณโทรศัพท์ทุกค่ายถูกตัดขาด เข้าสู่ธรรมชาติแท้จริง ตอนแรกรู้สึกว่าดีแฮะจะได้ไม่มีโทรศัพท์มากวนใจแต่ไม่รู้เลยว่าจะทำให้ยุ่งยากภายหลัง

ส่วนบ้านเรือนอยู่กันเป็นป๊อก(กลุ่ม) ถนนในหมู่บ้านตัดลัดเลาะไปตามรั้วของบ้านไม่เป็นระเบียบ มีดินแดงๆ ที่เป็นสันตามร่องน้ำ ดูแล้วก็เป็นบ้านชนบทที่เงียบสงบ..

เข้าปากทางหมู่บ้าน มีคนทำหุ่นปลอมมาตั้งไว้หน้าบ้าน เดาว่า “น่าจะเอาไว้ไล่สิ่งชั่วร้าย ซึ่งตอนนี้ก็น่าจะหมายถึง ไวรัสโควิดตัวร้ายที่เข้ามาคุกคามชีวิตเรียบง่ายของพวกเขา”

เขาว่ากันว่ามีคนในหมู่บ้าน 2 คนกลับมาจากกรุงเทพ ไม่ได้กักตัวเพราะไม่มีอาการ และไม่รู้ว่าต้องกักตัวยังไง ชาวบ้านที่นี่เท่าที่ฉันถามเขาไม่มีความเข้าใจเรื่องโควิดมากนัก เพราะบ้านบนดอยนั้นไม่มีทีวี ไม่มีไฟฟ้า ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ และไม่มีอินเตอร์เน็ต เราอาจจะได้ยินเรื่องโควิดกรอกหูมันทุกวัน แต่สำหรับพวกเขามันห่างไกล..ใครจะไปคิดว่าจะเข้ามาได้ เขาจึงไม่มีมาตรการตั้งรับที่ดีพอ กว่าจะพบเคสป่วย 1 เคส ก็แพร่ไปไกลแล้ว

สองอาทิตย์ที่ผ่านมา มีงานเลี้ยงพิธีกรรมในหมู่บ้าน มีงานกีฬาที่คนมารวมกันมาก ๆ มีการกินอาหารกินน้ำแก้วเดียวกัน พูดคุยกันโดยไม่สวมแมสก์ นานวันเข้าจึงแพร่กระจายไปเกือบทั้งหมู่บ้าน แน่นอนวิธีการเดียวที่จะเอาให้อยู่หมัดได้คือการล็อคดาวน์หมู่บ้าน และปูพรมตรวจ PCR 100% คนไข้ 113 คนถูกลำเลียงไปยังโรงพยาบาลสนาม โรงพยาบาลตากสินมหาราช โรงพยาบาลวังเจ้า สามเงา บ้านตาก ทุกโรงพยาบาลผนึกกำลังมาช่วยกันเต็มที่

ส่วนคนที่เสี่ยงสูงประมาณ 120 คน นำเข้าโรงเรียนประจำหมู่บ้านที่แปลงร่างเป็นสถานกักกันชั่วคราว แบ่งเป็นห้อง ๆ อยู่แล้วทำให้ใช้ได้เลย คนที่มีความเสี่ยงรอง ๆ ลงมาก็อยู่บ้าน เจ้าหน้าที่สอบสวนโรคไปช่วยกันหลายโรงพยาบาล เพราะว่าตอนที่แม่สอดมีระบาดหนักทุก ๆ อำเภอก็เคยมาช่วยหามรุ่งหามค่ำเหมือนกัน

“ ฉันคิดเสมอว่าทุกคนคือพี่น้อง และพี่น้องของเราต้องปลอดภัยในการปฏิบัติงาน ”

ชาวบ้านน่าสงสารมาก พวกเขาตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น บางคนยังไม่รู้ว่าคือโรคอะไร บางคนไม่เชื่อจะขอตรวจใหม่ โควิด เป็นโรคของการพรากทุกสิ่ง มีคนไข้ที่แม่ป่วยแล้ว ลูกยังกินนมอยู่ ต้องแยกแม่ไปโรงพยาบาลและให้ลูกกินนมชงไปก่อน ลูกก็ร้องไห้จ้าเพราะหิวนม แม่ก็ร้องไห้กับชะตากรรมครั้งนี้

บางบ้านเป็นผู้ป่วยหมดเลย ปิดประตูเงียบเชียบ แบ่งทีมกันเข้าไปสอบสวนโรคและ Swab PCR ขี่มอเตอร์ไซด์เข้าไปในพื้นที่ที่เข้าถึงยาก อากาศก็ร้อนมากชวนเป็นลม ทีมตั้งใจว่าต้องทำให้หมดทั้งผู้ใหญ่และลูกเด็กเล็กแดง ไม่งั้นการระบาดครั้งนี้จะไม่จบง่ายๆ

ตอนนี้ชาวบ้านกว่า 2,400 คน ก็ขาดแคลนอาหาร น้ำดื่มเพราะต้องกักตัวนานกว่า 14 วัน ความช่วยเหลือจากทางราชการก็มีให้ตลอด แต่ก็ยังไม่เพียงพอกับทุกครอบครัว เบียร์ในฐานะหมอคนหนึ่งที่ได้มีโอกาสไปร่วมงานสอบสวนที่นั่น

จึงอยากจะเชิญชวนผู้ที่มีอยากจะบริจาคอาหารแห้ง น้ำ เครื่องดื่ม นม และที่บริโภคได้ส่งมาให้ชาวบ้านผาผึ้ง และเหล่าเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานด้วยความเข้มแข็งที่บนนั้น โดยสามารถส่งมาให้ที่สำนักงานสาธารณสุขอำเภอวังเจ้า จังหวัดตาก หรือติดต่อ พี่อ้อย พรพรรณ โทร 081-5963602 ผู้ประสานงานเพื่อนำของขึ้นไปส่งที่หมู่บ้าน (เบียร์ขอพี่อ้อยเป็นผู้ประสานงาน เพราะการขนส่งค่อนข้างลำบากจะต้องฝากรถขึ้นไปค่ะ)

บทเรียนครั้งนี้ทำให้เรารู้ว่าสำหรับ โควิดประมาทไม่ได้เลยสักนิด ไม่ว่าไกลแค่ไหนโควิดก็ไปถึง ..เพื่อนมนุษย์ทุกคนได้รับผลกระทบ เจ็บป่วย ทุกข์ทรมานกายใจ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่ด้วยความภาคภูมิใจ คนที่ยังไม่เสี่ยงและแข็งแรงช่วยร่วมแบ่งปันค่ะ

อ่านถึงตรงนี้ จันรับรู้ได้ถึงความลำบากของบุคลากรทางการแพทย์มากๆ เลยค่ะ และรู้สึกสงสารชาวบ้านทุกคนที่ต้องเผชิญกับโรคระบาดร้ายนี้ ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนสู้ๆ นะคะ สักวันประเทศของเราจะกลับมาสวยงามดังเดิม