โควิด ตอนนี้! หมอนิธิพัฒน์ ชี้ เตียงเริ่มฝืด – มีผู้ป่วยตกค้าง

หมอนิธิพัฒน์ โพสต์เฟซบุ๊กชี้ สถานการณ์ โควิด ตอนนี้ เตียงเริ่มฝืด – มีผู้ป่วยตกค้างห้องฉุกเฉินเพิ่มขึ้น

6 ก.พ. 65 มีรายงานว่า หมอนิธิพัฒน์ หรือ รศ.นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล หัวหน้าสาขาวิชาโรคระบบการหายใจและวัณโรค ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับสถานการณ์ โควิด ในเฟซบุ๊ก ว่า…

มีขึ้นมีลงตามกลไกตลาด? หลังจากลงมาสามวัน นิวไฮใหม่ก็มาแล้ว ยังดีที่ยอดผู้ป่วยอาการหนักลดลง 3 คน โดยยอดผู้เสียชีวิตคงที่ ยังคงต้องจับตากันใกล้ชิดต่อไป

ที่บ้านริมน้ำ เริ่มมีผู้ป่วย โควิด ตกค้างที่ห้องฉุกเฉินมากขึ้น ส่วนใหญ่อาการไม่หนักแต่ต้องรอสถานที่ส่งต่อ ส่วนพวกที่หนักก็มักจะเป็นจากโรคพื้นฐานเอง หนักจากโควิดพบเป็นส่วนน้อย ภาวะเตียงฝืดเข้ามาแทนเตียงเฟ้อของเมื่อเดือนที่แล้วโดยสิ้นเชิง

แต่ก็ไม่สามารถอัดฉีดเม็ดเงิน (เตียง) เข้าสู่ระบบได้ คงไม่ต่างกับเงินในกระเป๋าของรัฐบาลตอนนี้ ช่วยกันชะลอโรคไปก่อน รับรองว่าเกิดประโยชน์กับทุกฝ่ายแน่

รศ.นพ.นิธิพัฒน์ นะบุด้วยว่า ในยามสิ้นไร้ไม้ตอกท้อแท้หดหู่ การยิงประตูคู่แข่งเพิ่มขึ้นมาอีกลูกเดียว ก็เหมือนน้ำทิพย์ชโลมใจ คล้ายความรู้สึกของบุคลากรทางการแพทย์

เมื่อเห็น ผู้ป่วยโควิด ในความดูแลดีขึ้นคนแล้วคนเล่า แม้จะยังมีคนใหม่ป่วยเข้ามาต่อเนื่องไม่ยอมหยุด เช้ามืดนี้ทีมปิศาจแดงล้างอาถรรพ์สามนัดติด ที่ยิงหนึ่งลูกในครึ่งแรกแล้วถูกตีเสมอในครึ่งหลังตลอด ครั้งนี้ปลดล็อคได้หวังว่างานหนักอาทิตย์หน้าจะยังคงรักษาฟอร์มนี้ไว้ได้ แต่ทีมคู่แข่งร่วมเมืองเขาดีจริงสมราคาคุย ถล่มคู่แข่งแบบคลีนชีตในถ้วยใหญ่อย่างไร้ข้อสงสัย

มีทีมวิจัยที่รวบรวมข้อมูลรายงานการระบาดของโควิดในโรงเรียนอย่างเป็นทางการ จาก 35 แห่งทั่วโลก พบว่า ปัจจัยที่ส่งผลต่อการแพร่เชื้อในโรงเรียนที่สำคัญคือ การระบาดมากในชุมชน โดยเพิ่มความเสี่ยงขึ้นมา 1.11 – 2.72 เท่า

ในทางตรงข้าม มาตรการรักษาระยะห่างในโรงเรียนร่วมกับการใส่หน้ากาก จะช่วยลดการแพร่เชื้อลงได้ 0.25 เท่า และการที่นักเรียนและบุคลากรในโรงเรียนมีภูมิคุ้มกันจากการฉีดวัคซีนกันเยอะ จะช่วยลดความเสี่ยงของการแพร่ระบาดลงได้ 0.57 เท่า โดยจะเห็นผลในเด็กโตมากกว่าเด็กเล็ก (0.47 เท่าเทียบกับ 0.90 เท่า)

ดังนั้นการฉีดวัคซีนในเด็กนักเรียนทุกวัยล้วนมีความสำคัญ แต่การฉีดในช่วงวัยรุ่นจะช่วยลดการแพร่ระบาดในโรงเรียนได้ดีกว่า ส่วนในเด็กเล็กต้องมีมาตรการอื่นในโรงเรียนเสริมจากการฉีดวัคซีนด้วย

ที่น่าสนใจต่อไปคือ ทำไมวัยรุ่นบางส่วนจึงยังลังเลการเข้ารับ วัคซีนโควิด ข้อมูลจากการสำรวจออนไลน์ในประเทศฮ่องกง จากวัยรุ่นกลุ่มตัวอย่าง 2,609 คน พบว่ามีเพียง 39% เท่านั้นที่ตั้งใจจะเข้ารับการฉีดวัคซีนโดยไม่ลังเล เป็นผลจากการพบเห็นสมาชิกในครอบครัวป่วยจากโควิด โดยเฉพาะกรณีที่เป็นพ่อหรือแม่ด้วย

ในช่วงท้าย รศ.นพ.นิธิพัฒน์ ได้เผยถึงข้อกังวลที่พบว่า ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับความสงสัยในประสิทธิภาพของวัคซีนและผลข้างเคียงทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ต่างกับนักเรียนวัย 12-17 ปีในบ้านเรา ที่ยอมรับการฉีดวัคซีนโควิดสูงถึงเกือบ 80%

ที่บ้านเรายอมรับเยอะอาจเป็นผลมาจากผู้ปกครองเป็นหลักก็ได้ การศึกษาในกลุ่มผู้ปกครองของนักเรียนวัยรุ่นจำนวน 13,327 คนในประเทศจีน พบมี 13.5% ที่ปฏิเสธการรับวัคซีน และราว 4% ไม่แน่ใจแต่ก็ยังให้ลูกหลานรับวัคซีน ปัจจัยที่มีผลต่อการปฏิเสธวัคซีน คือ ผู้ปกครองที่เป็นโสด และ การมีฐานะดีมากหรือไม่ก็จนมาก ส่วนปัจจัยที่ส่งเสริมการยอมรับวัคซีน คือ การได้รับข้อมูลเรื่องวัคซีนจากอาสาสมัครสาธารณสุขในชุมชน การไม่เชื่อเรื่องทฤษฎีสมคบคิดเกี่ยวกับวัคซีนโควิด และประสบการณ์ตรงของผู้ปกครองเองในการฉีดวัคซีน

ก่อนจะทิ้งท้ายว่า ขอให้วันเพ็ญแห่งเดือนมาฆะ เป็นหมุดหมายการเริ่มสงบลงของโควิดโอมิครอนด้วยเถิด

คลิปแนะนำอีจัน
พี่คิดว่า หนูหิวข้าวไหมคะ?