โรงพยาบาลรามาธิบดี เผยทำการทดลองสุ่มถอดรหัสพันธุกรรม พบว่า โควิด สายพันธุ์ โอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.1 สูญพันธุ์ไปแล้วในไทย!
เมื่อวานนี้ (4 พ.ค. 65) เพจเฟซบุ๊ก ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ (Center for Medical Genomics) ได้ออกมาเผยถึงรายงาน ผลการทดลอง โควิดสายพันธุ์โอมิครอน ในห้องปฏิบัติการสายพันธุ์ย่อย (new sub-variant) สามารถติดต่อระหว่างคนสู่คนได้อย่างรวดเร็ว มักจะมีอาการรุนแรงน้อยกว่าโอมิครอนสายพันธุ์ดั้งเดิม
ศาสตราจารย์จูลี่ สวอนน์ (Julie Swann) มหาวิทยาลัยรัฐนอร์ทแคโรไลนา ที่ปรึกษาของ U.S. CDC เกี่ยวกับโรคระบาด ระบุว่า ระดับความเสี่ยงของบุคคลที่จะติดเชื้อซ้ำอาจขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น อายุ ภาวะสุขภาพพื้นฐาน และช่วงเวลาการฉีดวัคซีนครั้งล่าสุด หรือการติดเชื้อครั้งล่าสุด หากอยู่ในวัย 60 ปี ได้รับวัคซีนกระตุ้นเมื่อ 4-6 เดือนก่อน อาจมีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อซ้ำได้ด้วยโอไมครอนสายพันธุ์ย่อยตัวใหม่ และอาจมีอาการรุนแรง (severe)ได้
แต่…ตรงข้ามกัน หากคนวัย 60 ที่เพิ่งติดเชื้อก่อนหน้า หรือได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นภายในเวลา 3-4 เดือน หากติดเชื้อโควิด โอมิครอนสายพันธุ์ย่อย ที่เพิ่งเกิดขึ้นมา (new sub-variant) จะมีอาการไม่รุนแรง (mild)
ส่วน ศาสตราจารย์อเล็กซ์ ซิกัล (Alex Sigal) นักไวรัสวิทยา ที่ สถาบันวิจัยสุขภาพแอฟริกา ในประเทศแอฟริกาใต้ ระบุว่า ผู้ที่เคยฉีดวัคซีน หรือ ติดเชื้อโควิด สายพันธุ์โอมิครอนดั้งเดิมมาก่อนอาจมีภูมิคุ้มกันที่มากกว่า (broader) ที่สามารถต่อสู้กับโอมิครอนสายพันธุ์ย่อยที่เพิ่งเกิดขึ้นมาได้
ส่วนในประเทศไทยนั้น ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ (Center for Medical Genomics) ได้ออกมาเผยว่า โรงพยาบาลรามาธิบดี ร่วมกับสถาบันการแพทย์ทั่วประเทศ ได้ทำการทดลองสุ่มถอดรหัสพันธุกรรมทั้งจีโนมของโควิด พบว่า BA.1 สูญพันธุ์ไปแล้ว ในขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อ BA.2 รายใหม่ลดลงอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ยังไม่พบโอไมครอนสายพันธุ์ย่อย BA.4, BA.5 และ BA.2.12.1 ระบาดในประเทศ
ขอบคุณข้อมูลจากเพจ FB: ศูนย์จีโนมทางการแพทย์