จากสถานการณ์ โควิด19 ที่แพร่กระจ่ายไปอย่างทั่วถึงส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง ทางกระทรวงสาธารณสุข เองก็มีนโยบายในการฉีดวันซีนป้องกันโรคโควิด19 เพื่อลดความรุนแรงของการเจ็บป่วยและเสียชีวิต จากการติดเชื้อ แต่ยังมีประชากรบางกลุ่มที่มีภาวะภูมิคุ้มกันต่ำหรือได้รับวัคซีน แต่ไม่สามารถสร้างภูมิคุ้มกันได้สูงเพียงพอต่อการป้องกันโรค ได้แก่ กลุ่มภูมิคุ้มกันบกพร่อง กลุ่มผู้ป่วยฟอกไต กลุ่มผู้ป่วยโรคมะเร็ง เป็นต้น จึงได้มีการพัฒนาแอนติบอดีออกฤทธิ์ยาว (Long Acting Antibodies; LAAB) เพื่อใช้สร้างภูมิคุ้มกัน ในประชากรดังกล่าว
ซึ่งที่ผ่านมากระทรวงสาธารณสุขเอง ก็ได้มีการนำ LAAB ไปใช้กับผู้ป่วยแล้ว และได้ผลดีมาก
สธ. เผยผู้ป่วยอายุ 105 ปี หายโควิด หลังรับ ภูมิคุ้มกันสำเร็จรูปแต่ก็ยังมีอีกหลายคนที่ยังไม่รู้จักว่า LAAB นั้นคืออะไร
LAAB (Long Acting Antibodies)
Laab คือแอนติบอดีออกฤทธิ์ยาว ที่ประกอบด้วยแอนติบอดีสองชนิด ได้แก่ Tixagevimab และ Cilgavimab พัฒนามาจากบีเซลล์ของผู้ที่เคยติดเชื้อไวรัสโควิด 19 และพัฒนาเพิ่มเติมเพื่อขยายระยะเวลาครึ่งชีวิต ให้ยาวนานกว่าแอนติบอดีทั่วไปอย่างน้อย 3 เท่า โดยมีหลักฐานยืนยันว่า สามารถออกฤทธิ์ลบล้างเชื้อโควิด 19 ได้ทั้งต่อสายพันธุ์ดั้งเดิม และสายพันธุ์กลายพันธุ์ต่างๆ
จากข้อมูลการศึกษาระยะที่สามในต่างประเทศพบว่า LAAB มีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันการติดเชื้อไวรัสโควิด แบบมีอาการ ในผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อสูง หรือผู้ที่อาจมีการตอบสนองต่อวัคซีนได้ไม่เพียงพอ เนื่องจากภาวะหรือโรคร่วมต่างๆ เช่น ภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือการได้รับยากดภูมิคุ้มกัน
โดยสามารถป้องกันการติดเชื้อโควิดแบบมีอาการได้ ร้อยละ 77 หลังจากได้ยาหนึ่งโดสไปแล้ว 3 เดือน และร้อยละ 83 หลังจากได้ยาแล้ว 6 เดือน โดยพบรายงานอาการไม่พึงประสงค์จากการศึกษาระยะที่สามเพียงเล็กน้อย อาการที่พบบ่อยที่สุดคือมีปฏิกิริยาบริเวณที่ฉีด ซึ่งส่วนใหญ่เป็นระดับน้อยถึงปานกลาง
LAAB ได้รับการขึ้นทะเบียนตำรับยาในสหภาพยุโรป เพื่อใช้สำหรับป้องกันก่อนการสัมผัสเชื้อไวรัส โคโรนา 2019 และได้รับการขึ้นทะเบียนให้นำมาใช้ในภาวะฉุกเฉินในประเทศสหรัฐอเมริกา และหลายประเทศทั่วโลก สำหรับประเทศไทย โดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้อนุมัติขึ้นทะเบียนยาภายใต้การอนุญาตแบบมีเงื่อนไขในสถานการณ์ฉุกเฉิน เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2565 สำหรับใช้เพื่อการป้องกันก่อนการสัมผัสเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในกลุ่มผู้ใหญ่และวัยรุ่นที่มีอายุตั้งแต่ 12 ปีขึ้นไป และมีน้ำหนักตัวมากกว่า 40กิโลกรัม ทั้งผู้ที่เคยได้รับวัคซีนและไม่เคยได้รับวัคซีนมาก่อน
ขนาดต่อโดส : 300 มก. (Tixagevimab 150 มก. และ Cilgavimab 150 มก.) ใน 1 กล่อง บรรจุขวดแก้ว 2 ขวด
ซึ่งประกอบด้วย
• ขวดฝาสีเทาเข้ม: บรรจุยา Tixagevimab ขนาด 150 มก. ในปริมาตร 1.5 มล. (100 มก./1 มล.)
• ขวดฝาสีขาว: บรรจุยา Cilgavimab ขนาด 150 มก. ในปริมาตร 1.5 มล. (100 มก./1 มล.)
อายุที่สามารถให้ได้ : ผู้ที่มีอายุมากกว่า 12 ปีขึ้นไป และมีน้ำหนักตัวมากกว่า 40 กิโลกรัม
โดยให้พิจารณาฉีดให้กับผู้ที่ได้รับวัคซีนโควิด 19 ครบตามเกณฑ์ (3 เข็ม)
กำหนดการให้ Long Acting Antibody (LAAB)
กำหนดให้ LAAB จำนวน 1 ครั้ง ครั้งละ 2 เข็ม โดยใช้เข็มขนาด 23 – 25G ความยาว 1 – 1.5 นิ้ว
แนะนำให้แยกฉีด Tixagevimab และ Cilgavimab เข้ากล้ามเนื้อบริเวณสะโพก (Gluteal muscle) ชนิดละข้าง ข้างละ 1.5 มล.
ให้เฝ้าระวังอาการไม่พึงประสงค์หลังการฉีดเป็นเวลาอย่างน้อย 30 นาที
ผลข้างเคียงยาผลข้างเคียงยา
1. ปฏิกิริยาภูมิไวเกิน รวมถึงอาการแพ้อย่างรุนแรง (Anaphylaxis) แต่พบไม่บ่อย
2. อาการผิดปกติบริเวณที่ฉีดยา บวม แดง ปวด
3. มีผื่น หรือ ลมพิษหลังฉีดยาซึ่งมาจากการที่มีภูมิไวเกิน
4. ไม่ควรใช้ในสตรีตั้งครรภ์ หรือ สตรีให้นมบุตร
ขอบคุณข้อมูลจาก www.chulabhornchannel.com