3 หน่วยงานรัฐ จับมือเครือข่าย ตรวจสุขภาพผู้ขับขี่แท็กซี่

3 หน่วยงานรัฐ จับมือ แกร็บแท็กซี่ ตรวจสุขภาพคนขับรถสาธารณะ เพิ่มความมั่นใจให้ผู้โดยสาร

(27 ม.ค.63) นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมด้วยนายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย เปิดโครงการบูรณาการความร่วมมือในการป้องกันควบคุมโรค ของกลุ่มผู้ขับขี่และผู้โดยสารรถแท็กซี่ ปี 2563 พร้อมร่วมลงนามทำบันทึกข้อตกลง ร่วมมือเพื่อตรวจสุขภาพผู้ขับขี่รถแท็กซี่เพื่อเฝ้าระวัง ป้องกันโรคและภัยสุขภาพ และอุบัติเหตุบนท้องถนน สร้างความปลอดภัยและความมั่นใจให้ผู้ขับขี่และโดยสาร

ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน
การจัดโครงการนี้ สืบเนื่องมาจาก การได้ให้ความสำคัญในสุขภาพกลุ่มผู้ขับขี่และผู้โดยสารรถแท็กซี่ โดยกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงคมนาคม กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และบริษัทแกร็บแท็กซี่ ประเทศไทย จำกัด ร่วมกันตรวจสุขภาพและประเมินความพร้อมด้านร่างกายของผู้ขับขี่รถแท็กซี่ก่อนการขับขี่ ภายใต้แนวคิด “ตรวจสุขภาพแท็กซี่ ท่องเที่ยวมั่นใจ ปลอดภัย ปลอดโรค” สร้างความตระหนักในการป้องกันควบคุมโรคและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเสี่ยงด้านสุขภาพ โดยมีความเสี่ยง 2 ด้าน คือ โรคระบบทางเดินหายใจ เนื่องจากรถแท็กซี่ติดตั้งระบบปรับอากาศ มีความเสี่ยงสูงต่อการแพร่และรับโรคติดต่อทางเดินหายใจได้ง่าย และความเสี่ยงโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง เนื่องจากมีกิจกรรมทางกายน้อย จึงได้จัดโครงการบูรณาการความร่วมมือในการป้องกันควบคุมโรคกลุ่มผู้ขับขี่และผู้โดยสารรถแท็กซี่ขึ้น
ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน
ในปีนี้จะให้บริการตรวจสุขภาพแก่ผู้ขับขี่รถแท็กซี่ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลกว่า 3,000 คน ประกอบด้วยการตรวจสุขภาพเบื้องต้น การฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ เอกซเรย์ปอด ทดสอบการมองเห็นระยะไกล หากพบว่าเจ็บป่วยจะส่งดูแลรักษาต่อเนื่อง ทำให้ผู้ป่วยมีความรู้ ดูแลสุขภาพ ทราบสถานะสุขภาพของตัวเอง โดยมีบริการที่สถาบันของกรมควบคุมโรค ได้แก่ สถาบันบำราศนราดูร, สถาบันราชประชาสมาสัย และสถาบันป้องกับควบคุมโรคเขตเมือง และบริการเชิงรุกตรวจสุขภาพเคลื่อนที่แก่ผู้ขับขี่รถแท็กซี่ ได้แก่ ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ/ดอนเมือง, TOT Academy และสำนักงานขนส่งทางบก
ภาพจากอีจัน
ทั้งนี้ประเทศไทยมีผู้ขับขี่รถโดยสารสาธารณะมากกว่า 350,000 ราย ร้อยละ 34 ขับขี่ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ผลการตรวจคัดกรองภาวะสุขภาพของกลุ่มผู้ขับรถโดยสารสาธารณะของกรุงเทพมหานครในปี 2559 พบผู้ป่วยวัณโรคร้อยละ 2 และเสียงต่อการเจ็บป่วยจากโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง
ภาพจากอีจัน
การตรวจสุขภาพผู้ขับขี่ในครั้งนี้ นอกจากผู้ขับขี่จะได้รับการประเมินสุขภาพ สร้างภูมิคุ้มกันแล้ว ยังสร้างความมั่นใจให้กับผู้โดยสารอีกด้วย ว่า ผู้โดยสารจะไม่ได้รับเชื้อโรคจากการใช้บริการรถสาธารณะ