“ชัยวัฒน์” บุกกรมอุทยานฯ ยื่นหนังสือคัดค้าน ร้องเรียน ปมสั่งย้าย หัวอุทยานฯ แก่งกระจาน

22 ก.ค. 68  นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตผู้อำนวยการสำนักอุทยาน เดินทางมาที่อาคารสืบนาคะเสถียร กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เพื่อยื่นหนังสือร้องเรียนต่ออธิบดีกรมอุทยาน กรณีคำสั่งย้ายนายมงคล ไชยภักดี หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ให้ไปปฏิบัติราชการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 14 (ตาก) ทำหน้าที่ผู้อำนวยการส่วนอนุรักษ์และป้องกันทรัพยากร โดยวันนี้นายชัยวัฒน์ ได้เดินทางมายื่นหนังสือคัดค้านและร้องเรียนการออกคำสั่งเนื่องจากพบความผิดปกติและความไม่ชอบธรรมต่อคำสั่งนี้ แม้ก่อนหน้านี้จะมีการออกมาชี้แจงจากนายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานฯ ว่าคำสั่งดังกล่าวเป็นการโยกย้ายตามปกติแล้วก็ตาม

โดยนายชัยวัฒน์  ได้นำข้อมูลที่อ้างว่า เป็นข้อเท็จจริงของสาเหตุที่มีคำสั่งโยกย้ายนายมงคล ว่า มีสาเหตุสำคัญ 2 ประการใหญ่ ๆ ก็คือ

1.นายมงคล ไม่จ่ายเงินตามที่สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 สาขาเพชรบุรี ได้มีการจัดทำบัญชีเพื่อเรียกเก็บเงินเปอร์เซ็นต์ จากเงินงบประมาณที่ได้รับจัดสรร โดยอ้างว่าเป็นการขอความร่วมมือ ค่าใช้จ่ายส่วนกลาง กิจกรรมร่วมทำบุญ และบริจาคการกุศลต่าง ๆ อาทิ บัตรคอนเสิร์ต สลากกาชาด ทั้งจากกระทรวง กรมฯ จังหวัด และ จากทุกภาคส่วน โดยคิดจากงบประมาณ ที่ได้รับจัดสรรประจำปีงบประมาณ 2568 ขอความร่วมมือให้จ่ายภายในวันที่ 20 ของทุกเดือน โดยคิดคำนวณจากงบประมาณประจำปี จำนวนสามกิจกรรมต่อโครงการซึ่งอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานได้รับการจัดสรรงบประมาณรวม 6,017,560 บาทโดยมีการเรียกเก็บเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายส่วนกลางให้กับสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่สามสาขาเพชรบุรีจำนวนรวมทั้งสิ้น 892,767.58 บาท หรือคิดเป็นร้อยละ 14.83 ของเงินงบประมาณที่ได้รับการจัดสรรโดยแบ่งเป็นการเรียกเก็บรายเดือนเป็นเงิน 69,382.63 บาทต่อเดือนและการกันงบอีก 1% เป็นเงิน 60,176 บาทต่อปีโดยมี จึงเป็นเหตุให้สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่สามสาขาเพชรบุรีมีหนังสือแจ้งไปยังกรมอุทยานแห่งชาติว่าได้รับเรื่องร้องเรียนกล่าวหาหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานเป็นจำนวนมากและขอให้พิจารณาสับเปลี่ยนหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน

2.เหตุการณ์ตรวจยึดจับกุมแปลงที่ดิน ของบริษัทเอกชน ที่เอกที่อ้างเอกสารสิทธิ์ทับซ้อนเขตอุทยานแห่งชาติ และเขตที่ราชพัสดุมากกว่า 4,000 ไร่มีมูลค่าประมาณ 200 ล้านบาท เมื่อวันที่ 8-9 กรกฎาคม 2568 ที่ผ่านมา ก่อนจะมีคำสั่งโยกย้ายนายมงคล ออกจากการทำหน้าที่หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน เพียงหกวันเท่านั้น ซึ่งกรณีดังกล่าวได้รับการยืนยันจากฝ่ายความมั่นคงในพื้นที่แล้วว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับการออกคำสั่งโยกย้ายนายมงคลในครั้งนี้ สืบเนื่องจากการตรวจสอบดังกล่าว ทำให้พบว่ามีการกระทำความผิดที่เกี่ยวข้องกับนักการเมืองท้องถิ่น ระดับนายกอบต.ในการนำรถเข้าไปขุดดิน ถมดิน และนำดินออกนอกพื้นที่ ในพื้นที่ที่ไม่มีเอกสารสิทธิแสดงกรรมสิทธิ์ในที่ที่ดิน และมีการขออนุญาตเพื่อดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยพบพยานบุคคล หลักฐานเอกสารการรับจ่ายเงิน อีกทั้งนายกอบจ. คนดังกล่าวเป็นคนของนักการเมืองในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จึงทำให้เกิดการแทรกแซงการบริหารของฝ่ายราชการ โดยการย้ายนายมงคลออกจากพื้นที่ เพื่อไม่ให้มีอำนาจในการดำเนินคดีดังกล่าว เนื่องจากจะต้องใช้ระยะเวลาในการสืบค้น ขยายผลและสืบหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม

กรณีชี้แจงว่าสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 สาขาเพชรบุรี ซึ่งเป็นหน่วยงานต้นสังกัดและมีหนังสือแจ้งมายังกรมอุทยานแห่งชาติว่า ได้รับเรื่องร้องเรียนกล่าวหาหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานเป็นจำนวนมากจึงได้ขอให้พิจารณาสับเปลี่ยนหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน

จากการชี้แจงดังกล่าว เห็นได้ว่าการร้องเรียนกล่าวหานายมงคลนั้นอยู่ในระหว่างการสอบสวนข้อเท็จจริง ตามการร้องเรียนที่ยังไม่ได้ข้อยุติแต่อย่างใด แต่กลับมีคำสั่งย้ายนายมงคล ซึ่งหากพิจารณากลับไปถึงการแต่งตั้งผู้ที่ทำหน้าที่หัวหน้าอุทยานแห่งชาติรายอื่นๆจะพบว่ามีการแต่งตั้งข้าราชการที่สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินได้มีมติชี้มูลความผิดไปแล้วแต่กลับยังมีการแต่งตั้งให้ไปดำรงตำแหน่งหัวหน้าอุทยานแห่งชาติ เช่น หัวหน้าอุทยานแห่งชาติกุยบุรีคนปัจจุบัน และอดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติหากวนกร ที่กรมอุทยานได้มีคำสั่งลงโทษไล่ออกจากราชการไปแล้ว จากกรณีทุจริตเบิกค่าจ้างทำของ และค่าจ้างเหมาบริการคนงาน

การชี้แจงว่า กรมอุทยานฯ ได้พิจารณาแต่งตั้งผู้ที่มีความสามารถและมีประสบการณ์เข้ามารับตำแหน่งหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานแทน ซึ่งผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งนี้ เป็นบุคคลที่เคยดำรงตำแหน่งผู้ช่วยหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน และมีผลงานในด้านการปราบปรามจัดการการท่องเที่ยว และการทำงานร่วมกับชุมชนเป็นอย่างดี

จากการชี้แจงดังกล่าว เห็นได้ว่าข้าราชการผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งให้มาดำรงตำแหน่งหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานนั้น มีตำแหน่งเป็นเพียงนักวิชาการป่าไม้ชำนาญการเท่านั้น แต่กลับแต่งตั้งมาทำหน้าที่แทนนักวิชาการป่าไม้ชำนาญการพิเศษ ทั้งที่อุทยานแห่งชาติและแก่งกระจานถูกจัดลำดับความสำคัญอุทยานแห่งชาติอยู่ในกลุ่มเอเป็นพื้นที่ที่มีความสำคัญสูงมาก

สำหรับการชี้แจงว่า การดำเนินคดีบุกรุกในพื้นที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานนั้น โดยเฉพาะการตรวจพบการบุกรุกพื้นที่กว่า 3952 ไร่ ได้สั่งการให้สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 สาขาเพชรบุรี บังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้นเช่นเดิม อย่างต่อเนื่อง และได้มอบหมายให้สำนักป้องกัน เข้าไปช่วยติดตามในทุกทีแล้ว

จากการชี้แจงดังกล่าวก็เป็นการชี้แจงเพื่อให้บุคคลทั่วไป ได้รับทราบว่ากรมอุทยานได้มีการมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อลงไปดำเนินการต่อแล้ว แต่จากข้อเท็จจริง ในขณะที่นายมงคลทำหน้าที่หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ได้เคยมีหนังสือเรียนอธิบดี เพื่อขอการสนับสนุนข้าราชการที่มีประสบการณ์และความชำนาญเพื่อร่วมขยายผลจับกุมผู้กระทำความผิด ในคดีการบุกจับแก๊งปาร์ตี้สัตว์ป่าในพื้นที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานซึ่งพบอาวุธสงคราม พร้อมเครื่องกระสุนปืน บ่วงแล้วดักสัตว์ขนาดใหญ่ เช่น กระทิง และ ซากสัตว์ป่าหลายรายการ เข้าข่ายเป็นคดีรายใหญ่และเกี่ยวพันกับผู้มีอิทธิพล แต่ก็ไม่ได้รับการสนับสนุน แล้วก็ไม่มีการตอบกลับหนังสือที่เป็นลายลักษณ์อักษรแต่อย่างใด

จากกรณีดังกล่าว แสดงให้เห็นว่าอธิบดีซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดกลับไม่เห็นความสำคัญในการปกป้องทรัพยากรธรรมชาติ และการดำเนินการกับผู้กระทำความผิดอย่างจริงจัง แต่กลับเพิกเฉยต่อการร้องขอการสนับสนุนในการปฏิบัติงานจากผู้ใต้บังคับบัญชา นายชัยวัฒน์จึงขอคัดค้านการออกคำสั่งโยกย้ายนายมงคลออกจากการทำหน้าที่หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน เนื่องจากเห็นว่าการออกคำสั่งดังกล่าวไม่มีความเป็นธรรม เป็นการโยกย้ายเพื่อเจตนากลั่นแกล้ง ให้ได้รับความเดือดร้อนจากการไม่ยอมจ่ายเงินเปอร์เซ็นต์ และการเข้าไปขัดผลประโยชน์ ของกลุ่มทุน นักการเมืองในพื้นที่ โดยมีเหตุมาจากการปฏิบัติหน้าที่ของนายมงคล ที่มีความซื่อตรง ยึดมั่นในสิ่งที่ถูกต้อง ไม่เกรงกลัวอำนาจของกลุ่มทุนหรือผู้มีอิทธิพลใด ซึ่งการปฏิบัติหน้าที่เช่นนี้ ย่อมขัดต่อผลประโยชน์ของคนบางกลุ่ม ทำให้บุคคลทั่วไปย่อมเชื่อได้ว่า การโยกย้ายครั้งนี้มีเหตุมาจากการขัดผลประโยชน์ของกลุ่มนายทุนที่ต้องการบุกรุกพื้นที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน

จึงทำหนังสือร้องเรียนไปยังอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน  สำนักรัฐมนตรีปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อขอให้มีคำสั่งย้ายและแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงกับผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่สามสาขาเพชรบุรีจากกรณีการเรียกเก็บเปอร์เซ็นต์จากเงินงบประมาณประจำปีของหน่วยงานภาคสนามในสังกัดสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่สามสาขาเพชรบุรีด้วย

หนังสือยื่นขอคัดค้านและร้องเรียนการออกคำสั่งโยกย้ายนายมงคล ไชยภักดี หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานด้วยความไม่เป็นธรรม

ฉบับ 1. เรียนปลัดกระทรวงทรัพย์ฯ

ฉบับ 2.เรียนประธาน อ.ก.พ.กระทรวงทรัพย์ฯ

ฉบับ 3. เรียนรัฐมนตรีกระทรวงทรัพย์ฯ

หนังสือขอให้มีคำสั่งย้ายและแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงกับผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 สาขาเพชรบุรี กรณีการเรียกเก็บเปอร์เซ็นต์จากเงินงบประมาณประจำปีของหน่วยงานภาคสนามในสังกัดสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่3 สาขาเพชรบุรี

ฉบับ 4.เรียนรัฐมนตรีกระทรวงทรัพย์ฯ

ฉบับ 5. เรียน ปลัดกระทรวงทรัพย์ฯ

โดยวันนี้ มีประชาชน เดินทางมาร่วมรับฟังข้อมูล พร้อมลงชื่อคัดค้านคำสั่งย้ายหัวหน้ามงคล เกือบ 100 คน เพิ่มเติมจากการลงชื่อคัดค้านผ่านทางระบบออนไลน์ ซึ่งมีผู้ร่วมแสดงความคิดเห็นเกือบ 2,000 คน และมีเพียง 15 คนเท่านั้นที่เห็นด้วยกับคำสั่งย้ายดังกล่าว…

ขณะเดียวกัน นางสาวสุมล สุตะวิริยะวัฒน์ อดีตสมาชิกวุฒิสภา จังหวัดเพชรบุรี ก็ได้เดินทางมาร่วมฟังการเปิดโปงการหักเปอร์เซ็นต์งบประมาณแผ่นดิน รวมถึงร่วมลงชื่อคัดค้านคำสั่งย้ายหัวหน้ามงคล พร้อมกล่าวว่า “ถ้าอยู่กระทรวงนี้ กรมนี้ มันต้องมีความซื่อสัตย์  เห็นแก่ประโยชน์ของธรรมชาติ ของทรัพยากรของแผ่นดิน ซึ่งมีความสำคัญมาก  โดยเฉพาะอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ซึ่งเป็นมรดกโลก ตนเป็นคนเมืองเพชรโดยกำเนิด จึงภาคภูมิใจในอุทยานแห่งนี้ ….ดังนั้นการไปเรียกรับผลประโยชน์เอาจากงบประมาณแผ่นดินเป็นสิ่งที่ตนไม่นึกว่ามันจะเกิดขึ้นจริง ๆ  และยิ่งทราบข่าวว่า ถ้าคนที่เหนือกว่าหัวหน้ามงคล มาเรียกตอดเล็กตอดน้อย มันไม่ถูกต้อง…ถ้าไม่มีตังค์มาบอกกันก็ได้ ถ้ามีก็จะให้ อย่าไปเอาเงินของหลวงเลย เสียดายที่หัวหน้ามงคลมาอยู่ได้เพียงนิดเดียวและก็ถูกย้ายโดยไม่เป็นธรรมแบบนี้ พอรู้ก็ทนไม่ได้

และนายชัยวัฒน์ ยังกล่าวทิ้งท้ายอีก “ผมเคยบอกว่าอย่าย้ายคนทำงาน ..คนดีที่ตั้งใจทำงาน ถ้ายังไม่หยุดขบวนการชั่ว ๆ เรื่องแบบนี้ ครั้งหน้าผมจะเปิดให้มากกว่านี้  เรื่องชั่วแบบนี้ เกิดขึ้นมาในกรมอุทยานฯ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่สงสารเจ้าหน้าที่ที่เขาทุ่มเท ลงพื้นที่ปฏิบัติงานบ้างเหรอ?

การที่นายมงคล ไม่จ่ายเงินตามที่สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 สาขาเพชรบุรี ต้องการก็ต้องมาถูกย้ายอย่างไม่เป็นธรรม ทั้งที่เจ้าตัวก็ไม่ยินยอม อีกทั้งคดีใหญ่ที่อยู่ในมืออีก แล้วอย่างนี้จะไว้วางใจใครให้มาสานต่อได้ ผมขอให้เวลาไม่เกิน 7 วัน หากยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงคำสั่ง ผมจะเปิดให้ลึกกว่าเดิม เรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่องที่ผมสู้ไม่ถอยอยู่แล้ว …”

สังคมยังคงจับตากันต่อไป….

ว่าเกิดอะไรขึ้นกับกรมอุทยานฯ ในยุคนี้กันแน่

งานนี้ต้องลุ้นกันว่าชัยวัฒน์จะงัดหลักฐานไหนมาอีกและจะสาวได้มากน้อยขนาดไหน

ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร คงต้องเกาะติด เพราะมันคืองบประมาณแผ่นดินล้วน ๆ