จากนโยบายของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น.ให้ทุกหน่วยป้องกันปราบปรามคนร้ายที่ฉวยโอกาสก่อเหตุประทุษร้ายต่อทรัพย์ของประชาชนในยามที่ประชาชนเดือดร้อนในช่วงการระบาดโรค Covid -19 อันเป็นการซ้ำเติมความเดือดร้อนของประชาชนนั้น
ล่าสุดวันนี้ 12 พ.ค. 2563 กองบังคับการสืบสวนสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล 6 และ สน. พลับพลาไชย 2 ได้แถลงการติดตามจับกุมนายโจ ขันธ์โสภา อายุ 40 ปี คนร้ายก่อเหตุกระชากกระเป๋าผู้เสียหาย และได้หลบหนีไป ได้ทรัพย์สินไปมูลค่ากว่า 6 หมื่นบาท ที่บริเวณหน้า รพ.สมิติเวช ถ.เยาวราช กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 27 เมษายน 2563 นั้น
ภาพจากอีจัน
โดยฝ่ายสืบสวน กก.สส.บก.น.6 และ สน.พลับพลาไชย 2 ได้ร่วมกันสืบสวนติดตามคนร้ายที่ได้ใช้รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฟีโน่ สีดำขาวเขียว ป้ายทะเบียนพระนครศรีอยุธยา ก่อเหตุกระชากกระเป๋าผู้เสียหาย ที่ หน้า รพ.สมิติเวช ถ.เยาวราช แล้วหลบหนีไปนั้นอย่างกระชั้นชิด โดยคนร้ายพยายามที่จะหลบหนีไปในเส้นทางต่าง ๆ เพื่อไม่ให้ตำรวจสามารถติดตามได้โดยง่าย แต่ตำรวจสามารถแกะรอยเส้นทางของคนร้ายรายนี้จากกรุงเทพมหานคร ผ่าน จ.นนทบุรี- ปทุมธานี จนกระทั่งเข้าไปในเขตจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นระยะทาง 100 กว่ากิโลเมตร จึงได้ทำการสืบสวนในทุกมิติเพื่อติดตามหาตัวคนร้ายรายนี้ที่หลบซ่อนตัวอยู่ พร้อมได้ประสานข้อมูลกับ พ.ต.ท.ธนกฤต กนิษฐกุล รอง ผกก.สส.สภ.พระนครศรีอยุธยา จนทราบว่าในพื้นที่ สภ.พระนครศรีอยุธยา และใกล้เคียง มีเหตุเกิดคนร้ายกระชากกระเป๋าประชาชนอีกหลายคดีที่มีลักษณะใกล้เคียงกัน จึงได้ร่วมกันทำการสืบสวน จนทราบว่าคนร้ายกลบดานอยู่ในบริเวณ ต.คลองสระบัว อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา
ภาพจากอีจัน
จากการสืบสวนทราบว่า ผู้ต้องหาเคยกระทำความผิดมาก่อน จนกระทั่งเมื่อวันที่ 10 พ.ค.63 จึงได้ทำการจับกุมตัว ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญากรุงเทพใต้ที่ จ. 2425/2560 ลง วันที่ 3 พ.ย. 2560 ข้อหา วิ่งราวทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะฯ จากนั้นได้ทำการตรวจยึดรถจักรยานยนต์ของคนร้าย ตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฟีโน่ สีดำเขียวขาว ทะเบียน พระนครศรีอยุธยา ที่ใช้ในการก่อเหตุนั้น เป็นรถจักรยานยนต์ที่ถูกโจรกรรมมาในเขตพื้นที่ สภ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อเดือนธันวาคม 2562 ที่ผ่านมาอีกด้วย
ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน
จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าได้ใช้รถจักรยานยนต์คันดังกล่าวตระเวนก่อเหตุกระชากกระเป๋าประชาชนหลายพื้นที่ โดยเฉพาะเหยื่อที่จะไม่ได้ระมัดระวังตัวในการถือกระเป๋าระหว่างเดินตามทางเดินบาทวิถี สำหรับทรัพย์สินที่ได้มานั้นจะนำไปใช้จ่ายส่วนตัว และจากการตรวจสอบพบว่ามีกรณีที่คนร้ายก่อเหตุในลักษณะเดียวกันนี้อีกหลายคดี ทั้งในเขตพื้นที่ กรุงเทพมหานคร จ.นนทบุรี ปทุมธานี และพระนครศรีอยุธยา