รวบไอ้หื่น ลากเด็กมาขืนใจ ก่อนหนีคดีนาน 20 ปี สุดท้ายไม่รอด!

บุกรวบ “ไอ้ผีดิบ” ลากเด็กมาขืนใจ ก่อนหนีคดีนาน 20 ปี สุดท้ายไม่รอด ถูกกองปราบตามรวบก่อนคดีหมดอายุความ 13 วัน

หนีกฎหมาย หนีความผิด หนีการกระทำ ยังไงก็หนีไม่รอด ตอนทำเขาไม่เห็นกลัวกฎหมายกลัวกฎแห่งกรรม แต่พอทำแล้วจะมาหนีผิดทำไม?
วานนี้ 14 มิ.ย.กองบังคับการปราบปราม พร้อมกำลังข้าราชการตำรวจ กองกำกับการ 5 กองบังคับการปราบปราม เข้าจับกุม นายวิลัย (สงวนนามสกุล) อายุ 51 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนครพนมที่ จ.1203/2547 ลงวันที่ 8 กรกฎาคม 2547 คดี “ข่มขืนกระทำชำเราเด็กหญิงอายุไม่เกินสิบห้าปี ซึ่งมิใช่ภริยาของตน” จับกุมได้ที่ ริมถนนปู่เจ้าสมิงพราย ตำบลบางหญ้าแพรก อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ

ภาพจากอีจัน

การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจาก ย้อนไปเกือบ 20 ปี เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2543 ขณะที่ ด.ญ.โบว์ (นามสมมติ) อายุขณะนั้น 13 ปี กำลังอยู่ที่บริเวณป่าละเมาะ หมู่ 1 ต.ท่าค้อ อ.เมือง จ.นครพนม ได้มีนายวิลัย หรือเบี้ยว ผู้ต้องหาซึ่งอาศัยอยู่ที่บริเวณใกล้เคียงบ้านของ ด.ญ.โบว์ ได้ทำทีเข้าไปพูดคุย จังหวะนั้น นายวิลัยได้เห็นโอกาสว่าเป็นสถานที่เปลี่ยว จึงใช้กำลังปลุกปล้ำข่มขืน ด.ญ.โบว์ แต่ไม่นานนัก ก็มีชาวบ้านที่อยู่ในละแวกใกล้เคียงได้ผ่านมาได้ยินเสียง ด.ญ.โบว์ ร้องขอความช่วยเหลือ นายวิลัย ตกใจ จึงวิ่งหลบหนีไปจากที่เกิดเหตุ ญาติของ ด.ญ.โบว์ จึงไปร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครพนม และศาลังหวัดนครพนมได้อนุมัติออกหมายจับ ศาลจังหวัดนครพนมที่ จ.1203/2547 ลงวันที่ 8 กรกฎาคม 2547 ข้อหา “ข่มขืนกระทำชำเราเด็กหญิงอายุไม่เกินสิบห้าปี ซึ่งมิใช่ภริยาของตน”
ส่วนนายวิลัย ด้วยกลัวความผิดจึงหลบหนีคดี เข้ากรุงเทพมหานคร มาประกอบอาชีพจับกังแบกข้าวสาร และ เป็นกรรมกรรับจ้าง เร่ร่อนไปสถานที่ต่าง ๆ ไม่มีที่อยู่และสถานที่ทำงานเป็นหลักแหล่งมาเป็นเวลาเกือบยี่สิบปี โดยเร่ร่อนอยู่ละแวกปู่เจ้าสมิงพราย และ อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ ผู้คนในละแวกนั้นที่เคยพบเจอต่างพากันตั้งฉายาผู้ต้องหานี้ว่าว่า “ไอ้ผีดิบ”แต่ไม่รู้ว่าหลบหนีคดีมา

ภาพจากอีจัน
ภาพจากอีจัน

ต่อมา วันที่ 14 มิ.ย. 2563 ตำรวจ กก.5 บก.ป. ได้สืบสวนติดตามจนกระทั่งสืบทราบว่านายวิลัย ผู้ต้องหารายนี้ มาปรากฏตัวอาศัยอยู่ในละแวก ท่าเรือปู่เจ้าสมิงพราย ต.บางหญ้าแพรก อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ ซึ่งคดีดังกล่าวจะขาดอายุความในวันที่ 27 มิ.ย.2563 นี้ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้รายงานผู้บังคับบัญชาให้ทราบ จากนั้นจึงได้นำกำลังเฝ้าสืบสวนติดตามจนสามารถจับกุมตัวได้ในที่สุด โดยในชั้นจับกุม ผู้ต้องหาให้การภาคเสธว่าได้พยายามข่มขืนผู้เสียหายจริง แต่ยังไม่ได้มีเพศสัมพันธ์ จนสำเร็จความใคร่
คนทำผิดแม้ว่าจะพยายามหนีกฎหมาย เท่าไหร่แต่สุดท้ายก็หนีไม่รอก รวมถึงหนีการกระทำตราบาปในใจของตัวเองด้วย