ในช่วงนี้ หลายพื้นที่ในประเทศไทยมีฝนตกอย่างต่อเนื่อง และบางพื้นที่ประสบปัญหาน้ำท่วม ประชาชนต้องทำความสะอาดบ้านเรือน หรือต้องแช่น้ำหรือลุยน้ำเป็นเวลานาน สิ่งที่ต้องระวังเป็นอย่างมากคือ “โรคไข้ฉี่หนู”
นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค เผยว่า โรคเลปโตสไปโรสิส หรือโรคไข้ฉี่หนู จะเข้าทางบาดแผล รอยถลอก รวมถึงผิวหนังที่แช่น้ำเป็นเวลานาน
ซึ่งสถานการณ์โรคเลปโตสไปโรสิส ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 15 สิงหาคม 2563 พบผู้ป่วย 805 ราย เสียชีวิต 12 ราย พบมากที่สุดในกลุ่มอายุ 45-54 ปี รองลงมาคืออายุ 35-44 ปี และอายุ 55-64 ปี ตามลำดับ ส่วนใหญ่มีอาชีพเกษตร ร้อยละ 42.9 รับจ้าง ร้อยละ 21.5 และนักเรียน ร้อยละ 13.8
ภาพจากอีจัน
สำหรับอาการของโรคไข้ฉี่หนู จะเริ่มจากมีไข้สูงทันที ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว โดยเฉพาะที่น่องและโคนขาจะปวดมาก คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย และตาแดง เป็นต้น หากมีอาการที่กล่าวมา ขอให้รีบไปพบแพทย์โดยเร็ว อย่าซื้อยามากินเอง เพราะอาจทำให้อาการรุนแรงขึ้นได้ ที่สำคัญขอให้แจ้งประวัติการเดินลุยน้ำให้แพทย์ทราบด้วย แพทย์จะดำเนินการรักษาโดยให้ยาปฏิชีวนะเพื่อฆ่าเชื้อโรคตามอาการ และความรุนแรงของโรค ยิ่งพบแพทย์เร็ว ยิ่งมีโอกาสหายเร็ว โดยส่วนใหญ่ผู้ป่วยที่เสียชีวิตเกิดจากพบแพทย์ช้าเกินไป จึงต้องไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยทันทีที่มีอาการ วิธีปฏิบัติเพื่อป้องกันโรคไข้ฉี่หนู 1.หลีกเลี่ยงการเดินลุยน้ำย่ำโคลนหรือแช่น้ำเป็นเวลานาน หากจำเป็นต้องเดินลุยน้ำหรือทำความสะอาดบ้านเรือนหลังน้ำลด ควรสวมรองเท้าบู๊ทหรือถุงพลาสติกสะอาดที่หาได้ในพื้นที่ เพื่อป้องกันไม่ให้เท้าสัมผัสน้ำโดยตรง กรณีมีบาดแผลควรปิดด้วยพลาสเตอร์กันน้ำ 2.หมั่นล้างมือด้วยน้ำและสบู่บ่อยๆ และอาบน้ำชำระร่างกายทันทีหลังจากเสร็จจากการทำงานหรือลุยน้ำ 3.หมั่นทำความสะอาดบ้านเรือนและสิ่งแวดล้อมบริเวณบ้านให้สะอาด ไม่มีหนูชุกชุม 4.หากมีอาการไข้สูงเฉียบพลัน ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว ให้รีบไปพบแพทย์โดยเร็วที่สุด 
ภาพจากอีจัน