ททท. ไม่นิ่ง! เร่งตรวจสอบโรงแรม – ร้านอาหาร ส่อแววทุจริต “ เราเที่ยวด้วยกัน “

ททท. เร่งตรวจสอบ โรงแรม – ร้านอาหาร ส่อแววทุจริต “ เราเที่ยวด้วยกัน “ หากพบทำจริงต้องโดน แบล็กลิสต์ ดำเนินคดีหนัก

โครงการ เราเที่ยวด้วยกัน หวั่นถูกโกง! โรงแรมบางแห่งฉวยโอกาสขึ้นราคาที่พัก ให้คนที่มีสิทธิ์แลกค่าใช้จ่ายเป็นเงินสดแทนการเข้าพักจริง ร้านค้าร้านอาหารก็เอาด้วย
 
วันนี้ (15 ธ.ค. 63) นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้แถลงข่าวด่วน ถึงกรณีที่ตรวจพบธุรกิจโรงแรมและร้านค้า ร้านอาหาร ที่เข้าร่วมโครงการ เราเที่ยวด้วยกัน มีพฤติกรรมเข้าข่ายการทุจริต ซึ่งจากทั้งหมดหลายหมื่นโรงแรมและร้านค้า ยังพบเป็นเพียงส่วนน้อย คือ โรงแรมประมาณ 312 แห่ง และร้านอาหาร ร้านค้า ประมาณ 200 แห่ง

ภาพจากอีจัน


โดยแบ่งเป็น 6 รูปแบบของการกระทำที่เข้าข่าย เป็นการทุจริตต่อโครงการ เราเที่ยวด้วยกัน
ทั้งโรงแรมและร้านค้า ร้านอาหารที่รับคูปอง ดังนี้
1.เข้าพักในโรงแรมราคาถูก เช่น โฮสเทล เช็คอินผ่านแอปพลิเคชั่นเป๋าตัง แต่ไม่ได้เข้าพักจริง และได้ประโยชน์จากการใช้คูปอง
2.โรงแรมขึ้นราคาค่าห้องพัก รู้เห็นเป็นใจกับร้านอาหาร ร้านค้าที่รับคูปอง มีการซื้อขายสิทธิ์ภูมิลำเนากัน ไม่ได้เกิดการเดินทางจริง ซึ่งจะไม่สามารถทำได้ ถ้าโรงแรมไม่รู้เห็นด้วย
3.โรงแรมมีตัวตน ลงทะเบียนถูกต้อง แต่ยังไม่กลับมาเปิดบริการ แล้วทำการเปิดขายห้องพัก และมียอดเรียกสนับสนุนงบประมาณลงไป
4.ใช้ส่วนต่างของคูปองเติมเงิน เติมให้เพื่อรับส่วนต่างเต็มจำนวน ซึ่งจะเห็นยอดการใช้คูปองเต็มจำนวนบ่อยครั้ง
5.มีการเข้าพักโรงแรมจริง แต่มาเป็นกลุ่มใหญ่แบบเหมา ได้ราคาสูง และได้เงินทอน ซึ่งจะไม่สามารถทำได้ ถ้าโรงแรมไม่รู้เห็น
6. Over Capacity เช่น โรงแรมมีห้องพัก 100 ห้อง แต่เพิ่มจำนวนเปิดให้พัก 300 ห้อง แล้วรับจนเต็มสิทธิ์ และเรียกยอดเงินสนับสนุนงบประมาณ
 
ผู้ว่าการการท่องเที่ยว ฯ กล่าวต่อว่า สิ่งนี้ทาง ททท. ต้องตรวจสอบกรณีต้องสงสัยโดยด่วน แบ่งเป็น 3 ตัวอย่าง คือ
1.จองแล้ว เข้าพักแล้ว จ่ายเงินแล้ว ถ้าพบทุจริต จะดำเนินคดีหนัก ทั้งทางแพ่งและอาญา
2.จองแล้ว ยังไม่เข้าพัก ยังไม่จ่ายเงิน จะให้ระงับการจ่ายเงินสำหรับธุรกรรมที่น่าสงสัยไว้ก่อน โดยแจ้งไปยังสำนักงานเศรษฐกิจการคลังและธนาคารกรุงไทย
3.จองแล้ว ยังไม่เช็คอิน ยังไม่จ่ายเงิน

ภาพจากอีจัน


ส่วนเรื่องที่จะเปิดให้ใช้สิทธิ์โครงการ เราเที่ยวด้วยกัน เพิ่มเติ่มอีก 1 ล้านสิทธิ์ วันที่ 16 ธ.ค.นี้  ก็จะต้องมีการพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง เพื่อตรวจสอบกรณีทุจริตดังกล่าวเสียก่อน เมื่อเจอรอยรั่วแล้วก็ต้องรีบอุดรอยนั้น เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อภาพรวม ที่ประชาชนและโรงแรม ร้านค้า ร้านอาหาร ที่ทำตามกติกาอย่างสุจจริตต้องชะงักไปด้วย เพื่อไม่ให้กระทบกับภาพรวมใหญ่ ต้องเร่งรัดดำเนินการให้รวดเร็ว ในส่วนของโนงแรงแรมที่มีพฤติกรรมเข้าข่ายต้องสงสัยทุจริต ทางคณะตรวจสอบทราบชื่อโรงแรมทั้งหมดและมีข้อมูลแล้ว แต่ยังเปิดเผยไม่ได้ ส่วนใหญ่เป็นโรงแรมขนาดเล็ก โรงแรมต่างจังหวัด

ภาพจากอีจัน


สุดท้าย หากการตรวจสอบพบมีการทุจริต ต้องถอดโรงแรมนั้นออกจากโครงการเราเที่ยวด้วยกัน และเปิดเผยชื่อให้ประชาชนรู้ และจะไม่สามารถร่วมโครงการใด ๆ กับรัฐบาลได้อีกเลย ทั้งยังจะต้องดำเนินคดีตามกฎหมายขั้นสูงสุด อย่างที่ทราบว่าโครงการนี้เป็นการใช้งบประมาณจากเงินกู้มาเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจในสถานกานณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และช่วยเหลือผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ทั้งนี้เมื่อเปรียบเทียบสัดส่วนพฤติกรรมเข้าข่ายการทุจริตของโรงแรมและร้านอาหารแล้วนั้น ถือเป็นสัดส่วนที่น้อยเมื่อเทียบกับภาพรวมทั้งหมด เนื่องจาก มีโรงแรมเข้าร่วมโครงการทั้งหมด 80,000 ราย และ มีร้านค้า ร้านอาหาร เข้าร่วมโครงการทั้งหมด 60,000 รายซึ่งไม่อยากให้ส่วนน้อยนี้ทำลายภาพรวมของโครงการทั้งหมด

ภาพจากอีจัน