
จากกรณีพบเงินสด 12 ล้านบาท ซุกซ่อนในกล่องพลาสติก และถูกนํามาทิ้งไว้ที่บริเวณจุดทิ้งขยะ คอนโดย่าน ปากเกร็ด จ. นนทบุรี ต่อมานายทวีวัฒน์ ได้มาแสดงตนว่าเป็นเจ้าของเงินสดดังกล่าว พร้อมชี้แจงว่าลืมไว้เนื่องจากต้องการเข้าซ่อมห้องที่เกิดน้ำท่วม โดยเงินจํานวนนี้ นายทวีวัฒน์ เบิกมาจากธนาคาร และเก็บมาตั้งแต่ปี 2563 พร้อมทั้งชี้แจงว่า ตนประกอบอาชีพเป็นทนาย และเป็นที่ปรึกษาบริษัทเอกชนอีก 4-5 บริษัท รวมทั้ง ดํารงตําแหน่งเป็นอนุกรรมการ กสทช. และที่ปรึกษา กสทช.
ล่าสุด วันนี้ (18 มิ.ย.68) พล.ต.ต. โชคชัย งามวงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 (รอง ผบช.ภ.1) เผยความคืบหน้ากรณีดังกล่าวภายหลังการประชุมร่วมกับ 5 หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ บก.ปปป., ปปง., ปปท., ป.ป.ช. และ สภ.ปากเกร็ด ว่า คดีนี้ยังอยู่ในระหว่างการสืบสวนลงรายละเอียด เนื่องจากเป็นเรื่องธุรกรรมทางการเงินที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2563 จึงต้องใช้เวลาในการสืบค้นพยานหลักฐาน เพื่อหาต้นทางของเงินจำนวนดังกล่าวที่เข้าสู่บัญชี

โดยบ่ายวันนี้ พนักงานสอบสวนตำรวจภูธรจังหวัดนนทบุรี จะเข้าสอบสวนประเด็นต่างๆ ที่ตั้งไว้กับธนาคาร ซึ่งต้องรอข้อมูลจากธนาคารก่อนว่าเงิน 12 ล้านบาท เข้าบัญชีได้อย่างไร ธนาคารจะเป็นผู้ให้คำตอบที่ดีที่สุด ส่วนหน่วยงานอย่าง ปปท. และ ป.ป.ช. จะตรวจสอบกรณีที่นายทวีวัฒน์ เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ว่าเข้าข่ายความผิดเกี่ยวกับการยื่นบัญชีทรัพย์สินหรือไม่ ซึ่งต้องรอให้การตรวจสอบเส้นทางการเงินชัดเจนก่อน

พล.ต.ต. โชคชัย เผยว่า ทีมสอบสวนได้ประสานธนาคารถึงประเด็นที่จะสอบถามแล้ว แต่เนื่องจากเป็นธุรกรรมที่เกิดเมื่อ 5 ปีที่แล้ว จึงต้องใช้เวลาตรวจสอบเอกสาร อย่างไรก็ตาม พนักงานสอบสวนได้เข้าสอบปากคำธนาคารแล้ว และจะรอผลว่าได้เอกสารครบถ้วนเพียงใด
เมื่อถามถึงการเรียกสอบปากคำนายทวีวัฒน์เพิ่มเติม พล.ต.ต. โชคชัย ระบุว่า หากมีประเด็นที่ต้องการข้อมูลเพิ่มก็จะทำหนังสือแจ้งให้เข้ามาให้ปากคำ และขณะนี้ได้ออกหมายเรียกบริษัทที่เกี่ยวข้อง 4 แห่ง เพื่อให้เข้ามาเป็นพยานในวันที่ 20 มิ.ย.68 นี้
“คดีนี้อยู่ในความสนใจของประชาชน ตำรวจภูธรภาค 1 จะเร่งดำเนินการตรวจสอบให้รวดเร็วที่สุด” พล.ต.ต. โชคชัย กล่าวทิ้งท้าย
หากมีความคืบหน้าจะอัปเดตให้ทราบ