ครูพี่เลี้ยง แจง ในที่รับเลี้ยง ไม่มีการทำร้ายร่างกาย

ครูพี่เลี้ยง ยืนยัน! ไม่มีการทำร้ายร่างกาย กรณีแม่ร้องปวีณา ฝากเลี้ยงลูกชายออทิสติก แต่กลับมีรอยฟกช้ำและแผลถูกแทง!

จากกรณี แม่น้องเอ (นามสมมุติ) เข้าร้องเรียน มูลนิธีปวีณา เรื่อง ลูกชายออทิสติก ถูกทำร้ายร่างกาย มีรอยฟกช้ำ และบาดแผลถูกแทงที่หน้าอก หลังจากฝากเลี้ยงที่บ้านรับเลี้ยงเด็ก

แม่ร้อง ปวีณา ลูกถูกพี่เลี้ยงทำร้าย เอามีดแทงอก

ล่าสุดวันนี้(17 ก.พ. 66) เวลา 15.00 น. ครูพี่เลี้ยงชี้แจงกับอีจัน ว่า เพิ่งทราบข่าววันนี้ และรู้สึกตกใจที่เกิดเหตุการณ์แบบนั้นออกไป ตนเองเปิดรับดูแลเด็กๆ โดยไม่มีใบอนุญาตจริง เนื่องจากเคยยื่นเรื่องขอเปิดสถานรับเลี้ยงตามกฎหมายแล้วแต่ทางเจ้าหน้าที่แจ้งว่าต้องมีนักเรียน 6 คนขึ้นไป ตนจึงทำได้แค่ดูแลเด็กๆ ต่อไป ซึ่งอยู่ด้วยกันแบบครอบครัว เพราะจุดเริ่มต้นของการรับดูแลคือ เพื่อนหรือคนรู้จักมาฝากดูแลลูก เพราะมีธุระ หลังจากที่เกิดการฝากเรื่อยๆ จึงเรียกค่าจ้างและกลายเป็นบ้านรับเลี้ยงจนปัจจุบัน และมีครูประกบทั้งหมด 5 คน ด้วยกัน

ด้านน้องเอ ที่ทางบ้านรับเข้ามา ครูพี่เลี้ยงชี้แจงว่า ไม่อยากรับตั้งแต่แรก เนื่องจากทางบ้านต้องการรับเฉพาะเด็กเล็ก ซึ่งน้องเอ เป็นเด็กที่โตแล้วอาจจะดูแลได้ยาก จึงมีการเรียกค่าจ้างสูงเพราะคิดว่าแม่อาจจะสู้ไม่ไหว โดยเรียกค่าจ้างอยู่ที่เดือนละ 40,000 บาท แต่แม่ขอต่อราคา จึงลดเหลือ 35,000 บาทต่อเดือน

เป็นการคุยผ่านทางโทรศัพท์ ไม่เคยเจอหน้า และเมื่อน้องเอ ได้ยินเสียงครูพี่เลี้ยงและรู้ว่าเป็นผู้หญิง จึงโทรหาเป็นระยะเวลาติดกันถี่ๆ และบอกอยากมาอยู่ด้วย

วันที่แม่มาส่งน้องเอที่บ้าน ครูพี่เลี้ยงเล่าว่า แม่บอกกับครูว่าต้องรีบเดินทางไปต่างประเทศ จึงต้องรีบส่งและรีบไป โดยไม่ได้คุยรายละเอียดอะไร ครูจึงจำเป็นต้องรับไว้ และได้มีการสอบถามเรื่องพฤติกรรมและยาของน้องที่ต้องรับประทาน แม่บอกเพียงว่าน้องมีพฤติกรรมติดโทรศัพท์และขอเบอร์ผู้หญิง จึงอยากให้ดูแลเรื่องนี้ ส่วนเรื่องยาแม่บอกว่าน้องเอรู้ว่าตัวเองต้องรับประทานอย่างไรบ้าง เมื่อครูหาข้อมูลเกี่ยวกับยาจึงพบว่ามียาที่รักษาโรคพาร์กินสัน จึงได้สอบถามข้อมูลกับแม่ แต่แม่ยืนยันว่าน้องเอไม่ได้เป็นและลูกชายเป็นเด็กปกติ ช่วยตัวเองได้

ส่วนเรื่องการหยุดทานยา ครูพี่เลี้ยงแจ้งว่า ตนได้ปรึกษากับเพื่อนที่เป็นหมอ เพราะยาที่มีเป็นยาที่ตนไม่ทราบว่าคือยาอะไรและทานตอนไหนบ้าง บางตัวเป็นยาของปี 2564 จึงตัดสินใจให้หยุดยาเพื่อสังเกตพฤติกรรมของน้องเอด้วย เมื่อให้หยุดยาน้องจึงทานข้าวได้น้อยลงเป็นเรื่องปกติ แต่ไม่ได้บังคับหรือทรมานใดๆ ตามที่เป็นข่าว

ด้านบาดแผลของน้อง ครูยืนยันว่าไม่มีการทำร้ายร่างกายเกิดขึ้น หากมีบาดแผลในแต่ละวัน ครูจะถามน้องเอด้วยตัวเองเสมอ แต่น้องเอให้คำตอบเปลี่ยนไปเรื่อยๆ และมีการรายงานบาดแผลให้ทางแม่ได้รับทราบทุกครั้ง และแม่ก็รับทราบแต่โดยดี

เรื่องรอยถูกแทงด้วยมีดปอกผลไม้ที่หน้าอกของน้อง ครูยืนยันว่า ระหว่างที่อยู่ในการดูแล ตนยืนยันว่าไม่เคยเห็นรอยนี้ หากเกิดขึ้นตอนที่อยู่บ้านรับเลี้ยง ตนต้องสังเกตเห็นและน้องเองต้องแสดงอาการเจ็บออกมาให้รับรู้ ตอนที่น้องกลับบ้านทางด้านครูพี่เลี้ยงก็ได้มีการส่งข้อความสอบถามเรื่องของน้องประจำแต่ไม่มีการตอบกลับมา

ทั้งนี้ ในส่วนของการดำเนินคดี ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะมีการเข้าตรวจสอบ และทำตามขั้นตอนทางกฎหมายต่อไป