
เป็นเรื่องแล้ว! หลังจากกรณีคลิปเสียง “อังเคิลฮุนเซน” กับ “อุ๊งอิ๊ง” ถูกปล่อยหลุดว่อนโซเชียล สะเทือนถึงเก้าอี้นายกรัฐมนตรี ล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์ เตรียมเอาผิดประเด็นดังกล่าวแล้ว..
วันนี้ (14 ก.ค. 68) พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 นำสำนวนคดีกรณีคลิปเสียง ที่อ้างว่าเป็นบทสนทนาระหว่างสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภาแห่งกัมพูชา กับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เข้ายื่นให้กับพนักงานสำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย หลัง นายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง เข้าร้องทุกข์ต่อประเด็นดังกล่าว

พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ กล่าวว่า จากการสืบสวนพบว่าคลิปเสียงดังกล่าว ถูกเผยแพร่ผ่านเฟซบุ๊กชื่อ “Samdech Hun Sen of Cambodia” ซึ่งมีการโพสต์ข้อความ และปล่อยคลิปเสียงต่อเนื่อง ด้านพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐาน และจัดทำสำนวนกว่า 50 หน้า โดยพบว่าแอดมินผู้ใช้งานเฟซบุ๊กดังกล่าวอยู่ในประเทศกัมพูชา ถือว่าอยู่นอกราชอาณาจักรไทย
เบื้องต้นการกระทำดังกล่าว เข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 ซึ่งเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงของราชอาณาจักร รวมถึง พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 ทั้งนี้ ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าในกลุ่มผู้ดูแลเพจ มีสมเด็จฮุน เซนเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ เนื่องจากอยู่ในสำนวนและอยู่ระหว่างดำเนินการ ยืนยันว่าการดำเนินคดีครั้งนี้ ไม่ใช่การฟ้องเพื่อโต้ตอบทางการเมือง แต่เป็นไปตามกระบวนการกฎหมาย เพราะพบพฤติการณ์การกระทำผิดจริง

ด้านนายศักดิ์เกษม นิไทรโยค ผู้ตรวจการอัยการและโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า ขณะนี้คดียังอยู่ในขั้นตอนของการตรวจสอบสำนวน โดยจะต้องพิจารณาว่าเป็นความผิดนอกราชอาณาจักรหรือไม่ หากพบว่าเข้าข่าย ก็จะจัดตั้งพนักงานอัยการสำนักงานการสอบสวน เข้าไปดำเนินการสอบสวนต่อไป

ในกรณีที่พนักงานอัยการมีความเห็นสั่งฟ้อง จะต้องเสนอความเห็นต่ออัยการสูงสุดพิจารณาอีกชั้นหนึ่ง หากเห็นพ้องด้วยก็จะสามารถขอศาลออกหมายจับ และออกหมายแดงผ่านทางองค์การตำรวจสากล (Interpol) ซึ่งมีสมาชิกภาคีร่วม 196 ประเทศ
“คดีนี้ต้องใช้ความละเอียดรอบคอบสูง เพราะเป็นคดีที่อาจมีผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ จึงยังไม่สามารถกำหนดกรอบเวลาในการดำเนินการได้แน่ชัด” นายศักดิ์เกษม กล่าว