ฝุ่นพิษที่เชียงใหม่ ยังพุ่งสูงต่อเนื่อง คนเชียงใหม่ ป่วยเข้า รพ. ไปแล้วกว่า 30,000 ราย แพทย์ชี้ PM 2.5 เสี่ยงทำให้เกิดมะเร็ง
เมื่อวานนี้ (19 มี.ค. 67) ศ.(เชี่ยวชาญพิเศษ) นพ.บรรณกิจ โลจนาภิวัฒน์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้เผยแพร่สารแสดงความห่วงใยสุขภาพประชาชนในภาคเหนือ หลังต้องเผชิญกับปัญหามลพิษทางอากาศ เนื่องจากมีค่าฝุ่นพีเอ็ม 2.5 เกินค่ามาตรฐานมาแล้วเกือบสองสัปดาห์ พร้อมทั้งเผยว่า เชียงใหม่มีผู้ป่วยจากฝุ่นควันแล้วกว่า 3 หมื่นคน ซึ่งเพิ่มจากปีก่อนเป็นเท่าตัว
โดย นพ.บรรณกิจ ระบุว่า “ปัจจุบันมีผู้ป่วยเข้ารับการรักษา ณ โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ (สถิติวันที่ 1 ม.ค.-15 มี.ค. 2567) ด้วยผลกระทบจาก PM2.5 แล้วทั้งสิ้น จำนวน 30,339 ราย มากกว่าจำนวนผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาในช่วงเดียวกันของปีก่อน1 เท่าตัว (สถิติวันที่ 1 ม.ค.-31 มี.ค. 2566 จำนวนผู้ป่วย 12,671 คน) ส่วนใหญ่พบมีอาการของโรคภูมิแพ้กำเริบ เยื่อบุจมูกอักเสบ โรคติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบน เยื่อบุตาอักเสบ โรคหืด เลือดกำเดาไหล โรคถุงลมโป่งพอง ตามลำดับ”
ซึ่งฝุ่น PM2.5 นี้ มีผลกระทบต่อสุขภาพ ทำให้เกิดอาการไอ จาม หายใจลำบาก หรือหากส่งผลระยะยาวก็จะเพิ่มความเสี่ยงในโรคต่างๆ เช่น การติดเชื้อทางเดินหายใจ สมรรถภาพปอดลดลง เกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ หลอดเลือดสมอง เกิดการอักเสบเฉียบพลันของระบบหายใจ เสี่ยงต่อการเกิดโรคถุงลมโป่งพอง และมีผลต่อทารกในครรภ์ หรืออาจนำไปสู่การเกิดมะเร็งได้
ทั้งนี้ หากผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว ควรสังเกตอาการตนเอง หากมีอาการกำเริบรุนแรง ควรไปพบแพทย์ทันที และ นพ.บรรณกิจ ยังได้แสดงความห่วงใยต่อสถานการณ์วิกฤติหมอกควัน และฝุ่น PM2.5 ที่กำลังเกิดขึ้นอย่างรุนแรง ในช่วงเวลานี้ ขอให้ทุกคนดูแลสุขภาพตนเองและครอบครัว ควรสวมหน้ากากป้องกันฝุ่นก่อนออกจากบ้าน และใช้เวลาอยู่นอกอาคารให้สั้นที่สุด หรือควรใช้เครื่องฟอกอากาศในอาคาร ที่สามารถป้องกันฝุ่น PM.2.5 ได้ เนื่องจากสถานการณ์ฝุ่นที่รุนแรง จะส่งผลต่อสุขภาพ
ทุกคนดูแลสุขภาพกันด้วยนะคะ