ทริปอินเดียกับอีจัน เดย์ 3 “อยากชวนเพื่อนไปกราบพระพุทธเจ้า”

ท่องอินเดียวันที่ 3 สักการะ เขาคิชฌกูฏ วัดเวฬุวัน ขอพรหลวงพ่อดำ ให้สุขภาพแข็งแรง

เดย์ 3 อินเดีย นั่งเสลี่ยงแสวงบุญ

#เขาคิชฌกูฏ

ตีห้า ทุกคนถูกแขกปลุก 6 โมงกินข้าว 7 โมงออกเดินทาง มุ่งหน้ากรุงราชคฤห์ 

เมืองนี้มีสีสันมากกกกก  เราเห็นรถม้า เห็นขอทาน เห็นบ้านดินที่ไม่เหมือนบ้าน เห็นร้านค้าที่เล็กกระจิ๋วหลิวมากๆ เห็นในสิ่งที่ไม่เคยเห็น แต่ที่เห็นนั้นคือ ความจริงแห่งมนุษย์เมืองนี้ เมืองที่มีคนจนมากที่สุดในรัฐพิหาร  

ระหว่างทางเราแวะเข้าห้องน้ำทันทีที่รถจอด ก็จะมีเด็กๆ ทยอยมาเข้าแถวนั่งรออย่างเรียบร้อย ผู้ใหญ่ใจดีอย่างเราๆ เดินแจกทาน ขณะที่เด็กน้อยก็ยิ้มดีอกดีใจ พระอาจารย์บอกอินเดียเป็นเมืองแห่งความเมตตา คนขอจึงมีมาก พอกับคนให้

จุดหมายของอินเดียเดย์ 3  คือ เขาคิชฌกูฏ ที่ที่พระพุทธเจ้า พระโมคคัลลานะ พระสารีบุตร เคยจำพรรษา พระอาจารย์บุญมีจึงจะพาเราทั้ง 25 ชีวิตไปกราบสักการะ

เขาคิชฌกูฏของกรุงราชคฤห์ ไม่เหมือนที่ไทย

เส้นทางราบเรียบ แต่ไต่สูงขึ้นๆ  ถ้ามีแรงก็ค่อยๆ เดิน ถ้าเข่าไม่ดีก็มีเสลี่ยง มีแขกหามพาขึ้น

คิดเงินค่าแบกขึ้น-ลง เพียง 1,000 บาท รวมทิปอีกสัก 200 บาท ก็กลับลงมาได้สบาย

ระหว่างทาง เราจะเจอคนขอทานนั่งแถวยาวววววววว เป็นสาย มีทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ ผู้ชาย ผู้หญิง คนแก่ คนพิการ  ต่างพูดเหมือนๆ กัน มหารานี  ten รูปีๆ สวัสดีครับ ภาษาไทยชัดมาก

มหาราชา มหารานีอย่างพระอาจารย์ อย่างพี่ปิ๊ก นั่งเสลี่ยงผ่านเส้นทางสายทานนี้  เงินรูปีจึงสะพัดแบบดุดันไม่เกรงใจใครอีกแล้ว แต่มหารานีจะให้เองไม่ได้นะ อาจถูกรุมได้   เราต้องให้ทีมงานชาวอินเดียเป็นคนยื่นให้ เพื่อความปลอดภัย

ระหว่างทางที่เดิน ก็จะมีแขกขายสร้อยจำนวนมากมาเสนอ เราต้องเดินนิ่งๆ อย่าสนอง  เดินจนถึงด้านบนก็พบธงมนตราติดอยู่จำนวนมาก สีสันของธงตัดกับท้องฟ้า  ช่างงดงาม

เดินจนสุดหน้าผา เป็นตำแหน่งซึ่งเชื่อว่าเป็นกุฏิพระพุทธเจ้า  พระอาจารย์นำเรากราบสักการะ น้อมจิตถึงพระพุทธองค์

น้อมจิตถึงพระเมตตาของพระองค์ ที่ทรงแสดงธรรมโปรดผู้คนให้รู้ทางพ้นทุกข์

ในการสักการะครั้งนี้ได้อธิษฐานตั้งจิต

ขอให้ถึงในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ขออย่าได้สั่นคลอน ขอดวงตาเห็นธรรมในกาลสมควร

ดื่มด่ำบรรยากาศพอสมควร มหารานีก็นั่งเสลี่ยงลงมาจากเขา

ผ่านสายทานเดิม ซึ่งขาลงเหมือนจะยาวกว่าเดิม อีก

จากนั้นได้ไปยังวัดเวฬุวัน วัดแห่งแรกในพระพุทธศาสนา กว้างใหญ่มาก เราก็ได้ฟังธรรมะบรรยาย

ตอนเที่ยงทานอาหารในโรงแรม  สังเกตอาหารส่วนใหญ่เป็นผัก ผักที่นี่จะสด กรอบอร่อย กินผักได้เยอะเลย มีโปรตีนเป็นไข่ มีแกงไก่กินกับโรตี ก็ถือเป็นเมนูเครื่องแกงเข้มข้น  อร่อยเข้ากันดี5251

อากาศตอนเที่ยงก็ยังเย็น จิบชากัมลังจ่าย  หรือ เราเรียงชากำลังใจอุ่นๆ มีกลิ่นขิงอ่อนๆ หอมๆ ก็ช่วยให้พอสู้หนาวไหว

ตอนบ่าย พระอาจารย์พาไปมหาวิทยาลัยนาลันทา ที่ที่เคยเป็นแหล่งสืบทอดพระพุทธศาสนาที่ยิ่งใหญ่ มีพระมาเรียนเป็นหมื่นๆ มีครูอาจารย์เป็นพันๆ

เดินดูก็ขนลุกเมื่อพระอาจารย์บรรยายว่า มีพระถึง 20,000 รูปถูกฆ่า ในวันที่ นาลันทาถูกบุกทำลาย!!!

มีเกิดมีดับ รุ่งเรืองย่อมมีเสื่อม ธรรมะผุดขึ้นกลางใจ กลางซากอิฐตรงหน้า

จากนั้นเราเดินทางอีกไม่ไกลไปกราบสักการะหลวงพ่อดำ พระพุทธรูปที่สร้างจากหินแกรนิตสีดำ สร้างขึ้นในยุคเดียวกับพระพุทธเมตตา

เล่ากันว่า  ชาวบ้านที่นี่ยากจนมาก เมื่อป่วยไข้ไม่มี รพ. รักษา ก็จะมากราบขอพรหลวงพ่อช่วยให้หาย คนส่วนใหญ่จึงมาขอพรเรื่องสุขภาพกันที่นี่  น้องกิจหัวหน้าทัวร์แอบมาย้ำให้พี่จันตั้งจิตดีๆ ขอพรเรื่องสุขภาพ  น้องบอกเมื่อก่อนก็แค่มากราบขอพร ธรรมดา แต่มาคราวนี้เปลี่ยนไป มีทหารมาดูแล หลังคาสังกะสีก็เปลี่ยนเป็นกระเบื้อง มีห้องน้ำสะอาดให้เข้า  มีน้ำมันขาย คนขายบอกว่า ให้ทาน้ำมันที่องค์ท่าน แล้วให้ใช้น้ำมันที่เหลือนำกลับไปใช้เป็นยา  รักษาหายแน่ๆ   จะเป็นอย่างที่คนขายบอกหรือไม่ก็ยังไม่รู้ รู้แต่ว่า หลวงพ่อดำงดงามมาก และมีพลังแห่งเมตตาอย่างยิ่ง

ทราบจากพระอาจารย์บุญมี ว่าท่านศรัทธาในองค์หลวงพ่อดำ จึงได้จำลององค์ท่าน ไปประดิษฐานที่วัดใหม่บ้านตาล(หลวงปู่คำบ่อ) ต.โคกสี อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร บ้านเกิดท่าน เพื่อให้คนอีสานได้กราบไหว้สักการะ  ซึ่งตอนนี้อยู่ในขั้นตอนแกะหินดำใกล้เสร็จแล้ว คาดว่าเมษายนนี้ก็จะสามารถนำลงเรือเดินทางไปถึงไทย รอไปขอพรที่นั่นก็ได้นะคะ อย่าลืม ว่าให้ขอพรเรื่องสุขภาพนะ

คืนนี้นอนที่เมืองปัตนะ พรุ่งนี้ไปเวสาลี กุสินารา ที่ที่พระพุทธองค์ปรินิพพาน

พรุ่งนี้เล่าต่อนะ

#กราบพระพุทธเจ้า 9 วันที่อินเดีย