
คืบหน้ากรณีข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา “ภูมิธรรม” ยัน! เปิด – ปิด ด่านตามปกติได้
โดยวันนี้ (17 มิ.ย.68) เวลา 09.10 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีที่สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ออกประกาศจะปิดด่านวันนี้ ว่า ขณะนี้ไทยยังยืนอยู่จุดเดิมตามที่นายกรัฐมนตรีได้ชี้แจงเมื่อวานนี้ ว่า ใช้กระบวนการทั้งหมด คือ ปกป้องอธิปไตย มีศักดิ์ศรี และเรื่องนี้จะไม่ยอมแน่

ส่วนเรื่องมาตรการต่างๆ ขณะนี้ยังยืนอยู่จุดเดิม ขอให้ถอยกำลังทหารของทั้งสองฝ่ายไป แต่ขณะนี้กำลังก็ยังเผชิญหน้ากันอยู่ ซึ่งสิ่งที่อยากเห็น คือ อยากให้ถอยปรับกำลังทั้งหมดไปอยู่ในจุดที่เกิดขึ้นในปี 2567 เพราะคิดว่าเรื่องการเผชิญหน้าไม่เหมาะสม แต่สถานการณ์เช่นนี้อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้
และเรื่องการปิดด่าน ตั้งแต่ที่สภาความมั่นคงแห่งชาติ และข้อสั่งการทั้งหมด ให้กองทัพไปดำเนินการ ผู้บัญชาการทหารบก ได้ออกคำสั่งทั้งหมด และยืนอยู่จุดเดิมคือมี 4 ขั้นตอน และให้แต่ละส่วน คือกองทัพภาคที่ 1 กองทัพภาคที่ 2 กองกำลังจันทบุรี พิจารณาตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ขณะนี้ยังอยู่มาตรการที่ 1 และ 2 คือ การปิดเฉพาะจุด เฉพาะเวลา โดยปรับจาก 06.00 – 22.00 น. เป็น 08.00 – 16.00 น. และจำกัดคนเข้า เพื่อให้ค้าขายกันได้ ส่วนนักท่องเที่ยวหากไม่มีความจำเป็นก็จะไม่ให้เข้า พร้อมย้ำว่า ประเทศไทยไม่เคยปิดด่าน ดังนั้น สิ่งที่พูดมาบางครั้งไม่เห็น และประธานวุฒิสภากัมพูชาออกมาแถลง ส่วนใหญ่เป็นเรื่องของโซเชียลมีเดีย
นายภูมิธรรม ย้ำว่า ประเทศไทยใช้กลไกการพูดคุยแบบทวิภาคี และพูดคุยกันอย่างเป็นทางการ ซึ่งทุกอย่างได้พูดคุยกันครบถ้วนหลายประเด็น แต่อยู่ที่การปฏิบัติว่าจะปรับอย่างไรได้ และเมื่อวานที่นายกรัฐมนตรีเรียกฝ่ายความมั่นคงไปพูดคุย ได้พูดคุยถึงสถานการณ์ทั้งหมด ก็เข้าใจตรงกัน ถ้าหากปรับกำลังทั้งสองฝ่ายตลอดแนวชายแดนได้อย่างที่ต้องการ ก็เป็นไปได้ที่จะสามารถปรับเรื่องด่าน เพราะไม่ต้องการปิดกั้นเรื่องค้าขาย
ยืนยันว่า ขณะนี้ความเสียหายเรื่องการปิดด่านบางเวลา ไม่ได้กระทบการค้าขายจนเป็นปัญหา อาจมีบ้างเล็กน้อย แต่ประชาชนตามแนวชายแดนก็ไม่มีปัญหา หรือกรณีที่มีข่าวว่า นำรถบัสมารับแรงงานกัมพูชานั้น แรงงานส่วนใหญ่ยังอยู่ที่ไทย เพื่อประกอบอาชีพ จึงมองว่าสถานการณ์ชายแดนยังไม่ถึงขั้นวิกฤต เพียงแต่ระมัดระวังไม่ให้เกิดอะไรที่บานปลาย และยังยืนจุดนี้อยู่ทั้งกองทัพภาคที่ 2 ภาค กองทัพภาคที่ 1 ไม่ให้ใครรุกล้ำอธิปไตย จะปกป้องอย่างเต็มที่ แต่หากเจรจาไม่มีการสู้รบได้จะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด ไม่มีความสูญเสียก็ยังยืนยันในจุดนี้อยู่ และในโซเชียลก็มีการปั่นจำนวนมากคิดว่า ต้องคำนึงถึงความเป็นจริงและความเสียหายต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ
เรื่องด่าน รัฐบาลไม่มีปัญหาไทยยังอยู่ในจุดเดิม เพราะไม่ได้บริหารงานตามกระแสหรือตามอารมณ์ แต่บริหารงานตามหลักการและประโยชน์ของประเทศ ดังนั้น เมื่อวานนี้ที่ประชุม จึงได้มีการชี้แจงให้เห็นภาพที่ชัดเจนว่าไม่มีความขัดแย้ง และมองตรงกัน
ส่วนฝ่ายกัมพูชาใช้โซเชียลในการปล่อยข่าวอยู่ตลอดจะรับมืออย่างไร นายภูมิธรรม กล่าวว่า อย่าไปปั่นกับเขา เพื่อไม่ให้เกิดเหตุบานปลาย ไทยยังยืนยันยึดมั่นในจุดของเรา ซึ่งต่างประเทศก็รับรู้ว่าจุดยืนของไทยปกป้องประเทศ และผลประโยชน์ของประชาชน หากโซเซียลมานำทาง เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ แต่ต้องนำโซเชียลมาเสนอข้อเท็จจริง ไม่ใช่ไปปั่นเพราะไม่ส่งผลดีต่อกัน

ขณะที่สถานการณ์ตามแนวชายแดนที่ตึงเครียดในขณะนี้ ยังมองว่ากัมพูชายังเป็นมิตรประเทศหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่าตามหลักการยังไม่ถือว่าเป็นศัตรูกัน และพยายามจะรักษาความสัมพันธ์ ถึงบอกว่าเราต้องปกป้องอธิปไตยและรักษาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศด้วย ถึงต้องเดินและพยายามยืนในจุดเหล่านี้
สำหรับกรณีการแต่งตั้งพลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นหัวหน้าทีมไทยแลนด์ จะสามารถหาข้อมูล และทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่ นายภูมิธรรม ยังกล่าวว่า พลเอกณัฐพล เป็นนายทหารเก่า เคยเป็นเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ และ รองผู้บัญชาการทหารบก ดังนั้นในสายสัมพันธ์การเข้าใจงานในรายละเอียดต่างๆ จะเข้าใจดีว่าบทบาทของสภาความมั่นคงจะเป็นอย่างไร และกระทรวงกลาโหมกองทัพจะเป็นอย่างไร รวมทั้งยังรู้จักกับผู้บัญชาการภาคทั้งหมด ดังนั้นในการทำงานเป็นผู้ที่น่านับถือจากภาคส่วน ดังนั้นเป็นคนที่เข้าใจงาน และเป็นตัวแทนของกระทรวงกลาโหม ไม่ได้หมายความว่าให้พลเอกณัฐพลไปทำงานคนเดียว ยังมีรองปลัดกระทรวงกลาโหมช่วยประสานงานและอยู่ในศูนย์นี้ด้วย ซึ่งศูนย์นี้จะยกระดับนำปลัดกระทรวงทุกกระทรวงอยู่ในนี้ ซึ่งที่ผ่านมาได้มอบหมายภารกิจก็ทำได้ดี ดังนั้นจะเป็นตัวเชื่อมระหว่างกองทัพ เชื่อว่าพลเอกณัฐพลจะสามารถประสานงาน และเชื่อมกลไกต่างๆ ได้เป็นอย่างดี นายภูมิธรรม กล่าว