เปิดใจ! “พลอย อดีตแกนนำทะลุวัง”ห่วง “หยก” ขอสังคมหยุดด่า

“พลอย-เบญจมาภรณ์” อดีตแกนนำทะลุวัง เปิดใจกับ อีจัน ถึงช่วงชีวิตการเป็นแกนนำกลุ่มทะลุวัง การเจอคดี และการใช้ชีวิตที่แคนาดา ระบุ ห่วง “หยก” ขอสังคมหยุดด่า

เพราะแฮชแท็กทะลุวัง ติดเทรนด์ทวิตเตอร์ และการเรียกร้องของกลุ่มทะลุวังในช่วงสถานการณ์การเมืองที่ร้อนระอุ

บวกกับที่ “พลอย-เบญจมาภรณ์” อดีตแกนนำกลุ่มทะลุงวัง ทวีตข้อความถึงการเคลื่อนไหวของ น.ส.เนติพร เสน่ห์สังคม หรือ บุ้ง ทะลุวัง อายุ 26 ปี แกนนำกลุ่มทะลุวังในช่วงที่ผ่านมา

ทำให้วันนี้ (9 ส.ค.66) เวลา 12.30 น. อีจัน มีโอกาสได้พูดคุยกับ น.ส.เบญจมาภรณ์ นิวาส หรือ พลอย อดีตแกนนำกลุ่มที่เรียกตัวเองว่าอดีตแกนนำกลุ่มทะลุวัง ซึ่งปัจจุบัน ลี้ภัยไปพำนักที่เมืองแวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา

เดือด! “พลอย เบญจมาภรณ์” อดีตกลุ่มทะลุวัง แฉ “บุ้ง เนติพร”

พลอย-เบญจมาภรณ์ บอกอีจันว่า ติดตามการเคลื่อนของกลุ่มทะลุวังอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะสถานการณ์ช่วงนี้ที่มีเด็กออกมาเคลื่อนไหวด้วย ซึ่งการเคลื่อนไหวเราไม่ห้าม เพราะทุกคนมีสิทธิ์ที่จะออกไปเคลื่อนไหว แต่ประเด็นที่เราตั้งคำถามคือ ในความรุนแรงของการเคลื่อนไหวมีเด็กเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย ซึ่งเป็นปัญหาพอสมควร เพราะเหมือนเอาเด็กไปแขวน เป็นเป้าของสังคม โดนบูลลี่ ตกเป็นเป้าของความรุนแรง เรามองว่ามันเป็นปัญหาควรมีการออกมาป้องกันสักที ทั้งกลุ่มทะลุวัง หน่วยงาน องค์กร ที่ช่วยเหลือเด็ก ซึ่งการออกมาเคลื่อนไหวเราไม่อยากให้เป็นบาดแผลของเด็กอายุ 15 ปี

“เราเคยผ่านการทำงานร่วมกับคนในกลุ่มทะลุวัง เราเห็นว่าพื้นที่ในการทำงานมีความรุนแรง มีการปั่นหัวให้มีความเชื่อที่ผิดๆ และมีการโดนหลอกใช้ให้เด็กออกไปทำโดยใช้ผลประโยชน์จากความต้องการของเด็ก เพราะเด็กอยากออกไปเคลื่อนไหว สุดท้ายแล้วเมื่อเด็กออกไปเคลื่อนไหว โดนโจมตี ตกเป็นเป้าของสังคม เราก็ไม่เห็นว่าคนที่เป็นผู้ใหญ่ คนที่อยู่ในทะลุวังจะมีนโยบายอะไรออกมาปกป้องเด็กเลย”

เปิดประวัติ ‘พลอย’ อดีตสมาชิกกลุ่มทะลุวัง

พลอย แสดงความเห็นถึงกรณีที่กลุ่มทะลุวังเคลื่อนไหวที่หน้าพรรคเพื่อไทยในวันที่พรรคเพื่อไทยเชิญพรรคการเมืองอื่นร่วมหารือในการจัดตั้งรัฐบาลว่า ส่วนตัวที่เคยเคลื่อนไหวในทำนองนี้มองว่า การกระทำแบบนี้ส่งผลกระทบระยะยาวต่อจิตใจมาก ๆ โดยเฉพาะจิตใจของเด็ก และจิตใจของคนที่เป็นแกนนำเอง

“เราเข้าใจว่ามันโกรธกันได้ ทุกคนมีสิทธิ์โกรธ และเราก็มีสิทธิ์ที่จะแสดงการเคลื่อนไหว แสดงออกต่อความโกรธตรงนั้นด้วยการออกไปประท้วง ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวในระยะยาวด้วย ถ้าเราออกไปชน ๆ ๆ ก็จะทำให้ข้างในเราพัง และจะทำให้เราตายกันหมด ก่อนที่ประเทศเราจะเป็นประชาธิปไตย”

พลอย บอกว่า และนี่คือสาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้คนในขบวนการเคลื่อนไหวเหลือน้อยลงจนเหลือไม่กี่คนแล้วในตอนนี้

ส่วนภาพ “น้องหยก” ผลักอก “แบม” แกนนำกลุ่มทะลุวัง ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหน้าพรรคเพื่อไทย พลอย มองว่า…

“เราเคยผ่านจุดนั้นมาเหมือนกัน การที่เด็กแสดงออกมาแบบนั้น เป็นการสะท้อนตัวตนของผู้ปกครอง ตัวตนของคนที่ดูแลเด็กอยู่ ว่าคุณควรเห็นได้แล้วว่าเด็กไม่ไหว เด็กต้องการพัก เป็นกลไกการปกป้องตัวเอง คือ เด็กไม่ได้แสดงความก้าวร้าว ไม่ได้มีเจตนาที่จะก้าวร้าว แต่เป็นการปกป้องตัวเอง เป็นสภาวะที่มันไม่ไหวแล้ว ข้างในมันพังแล้ว มันแตกสลายแล้ว ซึ่งทะลุวังควรจะพัก แล้วค่อยกลับมาสู้ และต้องหาทางออกให้เด็ก ว่าเด็กต้องการอะไร ต้องเอาเด็กกลับบ้านไหม เพราะพ่อแม่ของหยกก็ตามหาหยก รอหยกกลับบ้าน เด็กต้องได้รับการดูแล ต้องอยู่ในที่ปลอดภัย ต้องได้รับการบำบัด”

อีจัน ถามพลอยคิดว่าบุ้งทำหน้าที่ผู้ปกครองได้ดีไหม?

พลอยตอบเราว่า “สำหรับเราคือไม่ ไม่เลย”

พลอย เล่าว่า ช่วงแรก ๆ ที่มาอยู่กับบุ้ง ดูเหมือนบุ้งจะเป็นผู้ปกครองได้ดี คือเลี้ยงดูได้ดี ดูแลด้วยความรัก ความเอาใจใส่ ซึ่งเราก็สัมผัสตรงนั้นได้ แต่ว่า…

…ในความรักตรงนั้นไม่ได้มีมิติของความรัก มันมีเรื่องการโดนหลอกใช้ การปั่นหัวให้มีความเชื่อที่ผิดๆ การทำให้เชื่อมั่น มั่นใจ

“เช่น การที่เราจะออกไปเคลื่อนไหว เราจะได้รับการดูแลปกป้องจากบุ้ง เมื่อเราออกไปเคลื่อนไหว เราก็จะโดนคดี ก็เหมือนเราต้องทำตามความต้องการของเขา ส่วนใหญ่ถ้าเราไม่อยากทำ หรือทำไม่ได้ เราก็จะเจอความรุนแรง โดนปิดประตูใส่หน้า หรือโดนตะครอก โดนดุด่ากลับมา” พลอย เล่าว่า พลอยอยู่กับบุ้งมา 2-3 ปีที่เจอกับสภาวะแบบนี้

พลอย บอกกับเราอีกว่า คำด่าที่ฝังใจมาก ๆ คือ การที่บุ้งพยายามยัดข้อมูลใส่หัวว่าจะใช้ชีวิตอย่างไร จะอยู่อย่างไรถ้าไม่มีเขา เราทำผิดพลาดเรื่องอะไรเล็ก ๆ น้อยๆ เขาก็จะตะครอกกลับมาว่าจะใช้ชีวิตอย่างไร ใช้ชีวิตไม่ได้หรอก อยู่ไม่ได้หรอก มันก็ทำให้เรารู้สึกว่าเราจะใช้ชีวิตไม่ได้จริงๆ ถ้าไม่มีเขา เป็นสิ่งที่เราเจอและฝังใจ

พลอย บอกเราว่า บุ้งไม่รู้ตัวในการกระทำของตัวเอง เพราะเป็นการกระทำของคนที่ต้องการควบคุม

พลอย เล่าว่า ตนเองโดนคดีเยอะมาก ตั้งแต่ พรบ.ฉุกเฉิน 4-5 หมาย พรบ.ความสะอาด หมิ่นประมาทเจ้าหน้าที่รัฐ และ ม.112 โดน 2 คดี ซึ่งบุ้งเป็นผู้ปกครองที่พาไปรับทราบข้อกล่าวหา แต่ไม่ได้มีอำนาจในการเซ็น ส่วนคนที่เข้าไปเป็นผู้ปกครองจริง ๆ คือแม่เรา! ซึ่งช่วงที่โดนคดีก็ยังติดต่อกับแม่อยู่ และแม่ก็มาเซ็นรับทราบข้อกล่าวหาให้ บุ้งไม่ได้เป็นผู้ปกครองที่มีอำนาจทางกฎหมาย แค่เป็นผู้ปกครองที่ดูแลไปรับไปส่ง

พลอย บอกว่า สุดท้ายแล้วคนที่โดนคดีหรือได้รับผลกระทบก็คือเรา ที่ต้องโดนตัดสินว่าติดคุกหรือไม่ติดคุก

อีจัน ถามพลอยว่าเคยคิดไหมว่าถูกหลอก?

“ก่อนหน้านั้นเราไม่เคยคิดมาก่อน เพราะคนที่ถูกหลอกใช้ก็ไม่รู้หรอกว่าโดนหลอกใช้ เพราะเราก็ได้รับคำชม ได้รับคำพูดสวยหรูจากเขาว่า การกระทำของเรามันถูกแล้วทำต่อไปนะ โดยที่เราไม่รู้เลยว่าการกระทำของเรามันกำลังสร้างผลประโยชน์ให้เขาเงียบๆ มาโดนตลอด ซึ่งสุดท้ายแล้วมันกัดกินตัวเราเอง”

“ผลประโยชน์ที่เขาได้รับจากเราเยอะเลยค่ะ หลัก ๆ เลย คือ ผลงาน และก็แสงของเรา ตั้งแต่ผลงานการเคลื่อนไหวของเรากลุ่มนักเรียนเลว จนถึงการเคลื่อนไหวปัจจุบันที่อยู่กับเขา ถูกนำไปใช้ประดับโพรไฟล์ในการขอทุนในการช่วยเหลือโน้นนั่นนี่ เงิน หรือบัญชีไหนก็จะเข้ากระเป๋าของเขา แล้วเขาก็จะเอาเงินตรงนั้นมาใช้สอยดูแลเด็กอื่นๆ ซึ่งก็มีเด็กอื่นๆ ที่คิดว่าเขาได้เงินไม่ครบ ทั้ง ๆ ที่มันเป็นกิจกรรมของเขา เป็นโพรไฟล์ของเขา ซึ่งเราไม่สามารถตรวจสอบบัญชีได้ว่าเงินไปไหน ซึ่งเราก็รู้สึกเหมือนกันและก็ไม่สามารถตรวจสอบบัญชีบุ้งได้ หลักคือเรื่องแหล่งทุน และสองการโดนคดี ออกไปทำกิจกรรมในนามองค์กร ได้พื้นที่สื่อร่วมกัน แต่คนที่โดนคดีคือเรา ความเป็นเด็กมันใช้หาผลประโยชน์ได้เยอะมาก อันนี้คือสิ่งที่เขาพูดกับเรา”

อีจัน ถามพลอยว่าอะไรคือจุดที่ทำให้เดินออกมาจากบุ้ง?

การที่เขาดูแลเราเปลี่ยนไป เราได้รู้จักคนใหม่ๆ และก็มีคนเตือน และเราก็แตกหักกับเพื่อน ซึ่งเพื่อนก็เตือนเราว่าเหมือนเราไม่ใช่ตัวเอง เหมือนเรากำลังโดนควบคุมโดยใคร ซึ่งเราก็แตกหักกับเพื่อนเลย เจ็บปวดมาก และบุ้งก็ดูแลเราเปลี่ยนไป เริ่มตะครอก เริ่มใช้น้ำเสียงที่เปลี่ยนไป เราเริ่มรู้สึกว่าเราเริ่มถูกขูดรีดให้ทำงานหนัก จนในภาวะสุดท้ายแล้วเราเริ่มไม่ไหวแล้ว เริ่มไม่อยากทำแล้ว เขาก็เกลียดเราไปเลย และเริ่มมีคนใหม่ ๆ เข้ามา เขาก็ไปดูแลคนใหม่ ๆ สุดท้ายเขาก็เริ่มทอดทิ้งเรา เริ่มปฏิบัติกับเราเหมือนไม่ใช่เพื่อน ไม่ใช่คนในครอบครัว”

อีจัน ถามว่า บุ้ง แสดงความรุนแรงออกมากับ พลอย อย่างไร ?

“ส่วนใหญ่เขาจะแสดงออกทางอารมณ์ ไม่ใช่การตี เขาจะใช้วิธีการแสดงความโกรธออกมา แสดงความไม่พอใจ แบบปิดประตูใส่หน้าเสียงดังปึ้งปัง ตะครอก ใช้คำพูดที่ทำให้เราเจ็บปวดด้อยค่า ลดทอนตัวตนของเรา แบบตัวเองไม่มีค่าต้องพึ่งพาเขาตลอดเวลา ทำอะไรด้วยตัวเองไม่ได้ สูญเสียเพื่อนรอบข้างไปเยอะ เยอะมากจริงๆ ซึ่งเราเลือกที่จะเดินออกมาเอง เพราะเรารู้สึกทนไม่ไหวแล้วกับความรุนแรงที่ได้รับ”

ปัจจุบัน พลอย อยู่ที่แคนาดา โดยเธอเล่าว่า “ชีวิตตอนนี้รู้สึกโล่ง สนุก และมีความสุขมากๆ ที่ได้กำนดชีวิตตัวเองจริงๆ ก่อนหน้าที่เราอยู่กับบุ้งเรารู้สึกถูกควบคุม ถูกบงการ ไม่มีอิสระในการใช้ชีวิต ไม่มีอิสระในการตัดสินใจในชีวิตของตัวเองเลย หลายๆ อย่างต้องอยู่ใต้อำนาจของบุ้ง ก่อนหน้านั้นบุ้งทำให้เราคิดว่าเราไม่สามารถอยู่ด้วยตัวเองได้ เป็นคนไร้ค่า เป็นคนโง่ แต่พอออกมาก็เป็นการพิสูจน์ว่า ไม่มีเขาเราก็อยู่ได้ ซึ่งเราก็อยู่ด้วยการค่อย ๆ เรียนรู้ไป มีอิสระ มีความสุข”

“พลอย” บอกกับ อีจัน ว่าเธอเป็นห่วง “หยก”

“ในขวนการเคลื่อนไหวมีคนที่ใช้อำนาจในทางที่ผิด มันมีคนที่โดนหลอกใช้ และชีวิตของเด็กก็ถูกเอามาขูดรีด กัดกิน และเราเห็นข่าวของหยก เราเห็นน้องเยาวชนที่ออกมาแล้วโดนสังคมประณามหนักมาก ซึ่งสังคมออกมาสนใจประเด็นของหยกมากๆ เราก็อยากให้มีการถกเถียงกันจริงจังได้แล้วว่า เรื่องเด็กกับการออกมาเคลื่อนไหว ควรที่จะมีการสนับสนุนหรือเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางไหนได้บ้าง เพื่อไม่เป็นการสร้างบาดแผลระยะยาวให้กับเด็ก”

“ที่เราออกมาพูด เราอยากให้สังคมหยุดด่าหยกสักที เราต้องการให้น้องได้ตัดสินใจในชีวิตตัวเองได้เต็มที่ อยากให้หยกตัดสินใจอยู่บนพื้นฐานความต้องการของตัวเองจริงๆ ไม่ได้ผ่านจากการรับฟังใคร หรือผ่านการตัดสินใจของใคร ให้เรื่องของเราเป็นอุทาหรณ์ก็ได้ วันนี้อาจยังไม่รู้ตัวหรอก แต่ในระยะยาวจะเรียนรู้และเข้าใจได้ในสักวันหนึ่ง”

พลอย บอกกับ อีจันว่า อยากให้ใส่ประโยคนี้ลงไปด้วย “ความสัมพันธ์ของคนที่เป็นคนหลอกใช้และคนที่ถูกหลอกใช้มันซับซ้อนมันละเอียดอ่อนมาก ๆ  เป็นเรื่องที่กระอักกระอ่วน เป็นประเด็นที่เราไม่สามารถไปตัดสินได้ ซึ่งคนที่หลอกคนอื่นและคนที่ถูกหลอก คนที่เป็นเหยื่อจากเรื่องนี้มันมีจริงๆ”

ทั้งหมดนี้ เป็นการสัมภาษณ์ตลอดเวลา 22 นาที ที่อีจัน ได้พูดคุยกับ “พลอย-เบญจมาภรณ์” มีประโยชน์มากเลยค่ะ

คลิปอีจันแนะนำ
พลอย แฉลากไส้! บุ้ง ทะลุวัง เบื้องหลังที่คนไม่รู้