นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า 8 พรรคร่วมรัฐบาล มีมติตรงกันในการเสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคก้าวไกล ขึ้นรับการโหวตนายกฯ รอบสองในวันนี้ และมีมติชัดเจนว่า ญัตติที่จะเสนอในวันนี้ ไม่ซ้ำและไม่ใช่ญัตติตามข้อบังคับข้อที่ 41 เพราะเป็นกระบวนการตามรัฐธรรมนูญ
ทั้งนี้ ยืนยันว่า ถ้าประธานสภาอนุญาตให้มีการตีความ ข้อบังคับที่ 41 แล้วเสียงข้างมากบอกว่าเป็นญัตติซ้ำ ทำให้ญัตติที่เสนอวันนี้ไม่ได้รับการโหวตก็ต้องยอมรับ ซึ่งพรรคเพื่อไทยหรือกระทั่งพรรคร่วมเอง ก็ยังไม่มีแผนในเรื่องของการเสนอนายเศรษฐา ทวีสิน ขึ้นรับการโหวตแทน หากในวันนี้ไม่ได้โหวต นายพิธา ก็จะต้องมีการพูดคุยกัน กับ 8 พรรคร่วมรัฐบาลก่อน
ทั้งนี้ พรรคเพื่อไทย พร้อมสนับสนุนญัตติฝ่ายพรรคร่วมเป็นหลัก หากมีการตีความข้อบังคับ ข้อที่ 41 ก็จะโหวตว่า การเสนอผู้ซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีเป็นการปฏิบัติตามข้อบังคับประชุมรัฐสภา ที่บัญญัติในรัฐธรรมนูญมาตรา 272 ไม่ได้ยึดตามข้อบังคับ 41 มาใช้
ซึ่งตามขั้นตอนการโหวตมติพรรคเพื่อไทยชัดเจนว่าเสียง 141 เสียงของเราให้ความเห็นชอบนายพิธา
ส่วนการที่ศาลรัฐธรรมนูญจะมีการพิจารณาคำร้องของคณะกรรมการการเลือกตั้งเรื่องคุณสมบัติของนายพิธาในวันนี้นั้น จะมีผลต่อการโหวตหรือไม่ หัวหน้าพรรคเพื่อไทยกล่าวว่า ที่ประชุมของพรรคเพื่อไทย ก็มีการสอบถามในเรื่องนี้เช่นเดียวกัน ตนก็ตอบไปชัดว่า ถ้าวินิจฉัยเพียงรับคำร้องยังไม่มีการวินิจฉัยเป็นที่สุด ก็ถือว่านายพิธายังมีคุณสมบัติไม่มีลักษณะต้องห้าม สามารถเสนอชื่อได้ให้ความเห็นชอบได้
ส่วนกรณีที่สว.มีความมั่นใจว่าจะไม่มีการโหวตในวันนี้อย่างแน่นอน นพ.ชลน่าน มองว่า เป็นสิทธิของสว.ที่จะมองแบบนั้น ถ้าประธานรัฐสภาให้ญัตติเข้ามาก็เป็นไปตามนั้น ถ้าเสียงข้างมากมองว่าเป็นญัตติซ้ำ ญัตติที่เสนอวันนี้ก็ไม่มีการโหวต และวันนี้พรรคเพื่อไทยยังไม่มีแผนที่จะเสนอชื่อนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย
สำหรับความเห็นของสว.ที่มองว่าถ้าหากมีพรรคก้าวไกลร่วมรัฐบาลจะไม่โหวตให้พรรคเพื่อไทยจะทำอย่างไร นพ.ชลน่าน ระบุว่า ก็เป็นเพียงของสว. แต่เป็นความเห็นของสว.ทั้งหมดหรือไม่ก็ไม่รู้
ทั้งนี้พรรคเพื่อไทยมั่นใจในการรวบรวมเสียงสว. หรือไม่นั้น เป็นกระบวนการที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ต้องรอข้อเท็จจริงที่จะเกิดขึ้นในวันนี้ ต้องรอความเห็นของ 8 พรรคร่วม โดยเฉพาะของพรรคก้าวไกล ว่ามีความเห็นอย่างไร ถ้าทำตามที่นายพิธาแถลงไว้ก็จะไปถึงตรงนั้นได้ เพื่อไทยก็พร้อมจะสรรหาเสียงสว.ซึ่งถ้าเพื่อไทยเป็นแกนนำ ก็อาจจะมีการเปลี่ยนแปลง MOU แต่ยังต้องไปปรึกษาหารือ 8 พรรคร่วมถึงสิทธิ์ในการรวบรวมเสียง
พร้อมปฏิเสธที่จะตอบกรณีที่มีโอกาสข้ามขั้วร่วมจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ เพราะยังไม่ถึงเวลา ตราบใดที่ข้อเท็จจริงเรื่องวันนี้ยังไม่ปรากฏ และไม่มีแผนสำรองใดๆ