กรณีที่ ป.ป.ช. ยื่นฟ้องนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกฯ พร้อมคณะ ในข้อหาร่วมฮั้วประมูลโครงการสร้างโรงพักทดแทน โครงการก่อสร้างอาคารที่พัก หรือแฟลตตำรวจ 396 แห่ง ซึ่งต่อมาวันที่ 20 ก.ย. 65 ศาลฎีกา แผนกคดีอาญา ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำสั่งยกฟ้องจำเลยทั้ง 6 คน เพราะเห็นว่าไม่มีความผิด แต่หากโจทย์ไม่เห็นพ้อง สามารถยื่นอุทธรณ์ได้ 1 ครั้ง โดยยื่นอุทธรณ์ไปที่องค์คณะวินิจฉัยอุทธรณ์ศาลฎีกา
โดยวันพรุ่งนี้ (22 ส.ค.66) องค์คณะวินิจฉัยอุทธรณ์ศาลฎีกาจะมีคำวินิจฉัยในคำอุทธรณ์ของ ป.ป.ช.
ทั้งนี้ ถ้ามีการรับอุทธรณ์ ซึ่งหมายถึง กลับคำพิพากษา จะส่งผลให้วันพรุ่งนี้ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ติดคุกทันที และทำให้คดีความเดินหน้าต่อทันที แต่ถ้ายกอุทธรณ์ นายสุเทพ ก็จะไม่ถูกดำเนินคดีแล้ว ถือเป็นการสิ้นสุดคดี
สิ่งที่ต้องจับตามองในการวินิจฉัยขององค์คณะวินิจฉัยอุทธรณ์ศาลฎีกา คือถ้ารับอุทธรณ์ หรือกลับคำพิพากษา หมายความว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ต้องเข้าคุก ซึ่งตรงกับวันที่นายทักษิณ ชินวัตร กลับไทย และเข้าคุกในวันเดียวกัน
โดยนายทักษิณ ซึ่งเดินทางกลับถึงประเทศไทย ตามขั้นตอนและกระบวนการรับตัวคือ เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) จะรับตัวและทำบันทึกการจับกุมต่างๆ ตามขั้นตอน และในส่วนของกรมราชทัณฑ์ จะต้องว่าไปตามคำสั่งหรือหมายศาลที่แจ้งมายังกรมราชทัณฑ์ เพื่อเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จะได้เดินทางไปยังเขตพื้นที่ของศาลนั้นๆ จากนั้นเมื่อทักษิณเข้าสู่ขั้นตอนของศาลเสร็จสิ้น หากเป็นคดีที่เกิดขึ้นในพื้นที่กรุงเทพมหานคร เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จะควบคุมตัวทักษิณมายังเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เพื่อกักตัว
ดังนั้นทั้งนายสุเทพ และนายทักษิณ หากต้องเข้าคุกวันแรก ก็ต้องไปอยู่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ในแดนแรกรับ
สำหรับนายสุเทพ เป็นแกนนำ กปปส. หรือ คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งต่อต้านระบอบทักษิณ (ทักษิณ ชินวัตร) ซึ่งมีกลุ่มคนเสื้อแดง กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (น.ป.ช.) คอยให้การสนับสนุน จนทำให้เกิดปัญหากันในปี พ.ศ.2551
นอกจากนี้ในวันที่ 22 ส.ค.66 ยังมีการโหวตนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ซึ่งพรรคเพื่อไทยเนอชื่อนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี
ที่มา : รายการเจาะลึกทั่วไทย ช่อง 9MCOT