สำนักข่าวต่างประเทศ มองเลือกตั้ง 66 ฝ่ายค้านได้เสียงมาก

จับตาผลเลือกตั้ง 66 สำนักข่าวต่างประเทศ มองฝ่ายค้านได้ครองเสียงมาก

ข้อมูลจากสำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง ระบุว่า การเลือกตั้งใหญ่ 2566 นี้ มีจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 52 ล้านคน ซึ่งแบ่งตามเจเนอเรชัน ได้ดังนี้

1.เจนแซด (อายุ 18-26 ปี) จำนวน 7,670,354 คน 

2.เจนวาย (อายุ 27-42 ปี) จำนวน 15,144,468 คน  

3.เจนเอ็กซ์ (อายุ 43-58 ปี) จำนวน 16,091,150 คน

4.Baby Boomer (อายุ 59-77 ปี) จำนวน 11,153,133 คน

5.Silent Gen (อายุ 78-98 ปี) จำนวน 2,227,540 คน

6.ผู้ที่มีอายุ 99-100 ปีขึ้นไป จำนวน 36,179 คน

ทั้งนี้ บรรยากาศการเลือกตั้ง ตั้งแต่เวลา 08.00 น.วันนี้ (14 พ.ค.66) เป็นไปอย่างคึกคัก โดยมีผู้ใช้สิทธิทยอยเดินทางไปเลือกตั้งแต่เช้าตรู่ เช่นเดียวกับเหล่าคนดังทั้งวงการการเมือง ธุรกิจ วงการบันเทิง ก็ให้ความสำคัญในเรื่องนี้ไม่แพ้กัน ส่งผลให้หลายแฮชแท็กที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง ติดอันดับเทรนด์ทวิตเตอร์แบบไม่มีอะไรกั้น

ขณะที่ สื่อต่างประเทศก็จับตาการเลือกตั้งนี้อย่างใกลชิด และส่วนใหญ่เห็นตรงกันว่า พรรคฝ่ายค้าน อย่างพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกล มีแนวโน้มจะครองเสียงข้างมาก แต่ฝ่ายอนุรักษ์นิยมและทหารจะยอมรับหรือไม่

ด้าน สำนักข่าวรอยเตอร์ส ประเมินว่า ผู้มีสิทธิเลือกตั้งราว 52 ล้านคน มีแนวโน้มสูงที่จะเลือกพรรคฝ่ายค้านที่มีแนวทางก้าวหน้า จนชนะพรรคฝ่ายอนุรักษ์นิยมและพันธมิตร

แต่นักวิเคราะห์บางคนก็โต้แย้งว่า การต่อสู้เพื่อแย่งชิงอำนาจในไทย เป็นมากกว่าการแข่งขันของกลุ่มชินวัตร ที่ชูประชานิยมกับคู่แข่งที่มีอิทธิพล โดยยังมีสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงจากรุ่นสู่รุ่น และความต้องการที่จะมีรัฐบาลหัวก้าวหน้ามากขึ้น ภายใต้การนำของพรรคก้าวไกล ที่มีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นหัวหน้าพรรค

ด้าน สำนักข่าวเอเอฟพี ระบุว่า การรณรงค์เลือกตั้งที่เป็นการปะทะระหว่างกลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่โหยหาการเปลี่ยนแปลงกับกลุ่มอนุรักษ์นิยม จึงตั้งคำถามว่า “คนไทยไปใช้สิทธิ แต่ทหารจะฟังหรือไม่” เพราะในไทยชัยชนะของการเลือกตั้งมักถูกบีบบังคับด้วยการรัฐประหารและคำสั่งศาล ทำให้หวาดกลัวว่าทหารอาจหาทางยึดอำนาจและทำให้เกิดความไม่มั่นคงครั้งใหม่

สอดคล้องกับตัวเลขผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าที่สูงถึง 90% ก็ชี้ให้เห็นว่า คนไทยต้องการการเปลี่ยนแปลง แต่ฝ่ายค้านก็ยังต้องเผชิญกับการต่อสู้ที่ยากลำบาก จากการที่รัฐธรรมนูญปี 2560 ที่กำหนดให้มีสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) จำนวน 250 คน มีสิทธิเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ร่วมกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) 500 คน

ซึ่งหากการเลือกตั้งครั้งนี้มีผลลัพท์ไม่ชัดเจนหรือมีข้อโต้แย้ง ก็อาจนำไปสู่การเดินขบวนรอบใหม่และความไม่แน่นอน ท่ามกลางข่าวลือที่แพร่สะพัดไปทั่วว่า พรรคก้าวไกลอาจถูกยุบโดยคำสั่งศาล เช่นเดียวกับพรรคอนาคตใหม่ก่อนหน้านี้

ขณะเดียวกัน สำนักข่าวเอพี มองว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ เป็นโอกาสสำคัญสำหรับการเปลี่ยนแปลง

ส่วน ‘ไทเรล ฮาเบอร์คอร์น’ ผู้เชี่ยวชาญด้านไทยศึกษาจากมหาวิทยาลัยวิสคอนซิน ในสหรัฐ กล่าวว่า การลงคะแนนเสียงที่เพิ่มขึ้นของเยาวชนและการตระหนักรู้ถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการปกครองโดยทหาร เป็นปัจจัยสำคัญที่น่าจะเป็นตัวตัดสินผลการเลือกตั้งครั้งนี้

คลิปอีจันแนะนำ
ไร้ปาฏิหาริย์ “ปิงปอง” ถูกฆ่าฝังดิน!