หน่วยข่าวกรอง MI6 ของ ‘อังกฤษ’ มีผอ.เป็นผู้หญิงครั้งแรกในประวัติศาสตร์ 

จากหนังสู่โลกจริง! ‘อังกฤษ’ ได้หญิงคนแรก เป็น ผอ. ของ MI6 ถือเป็นครั้งสำคัญในครั้งแรกในประวัติศาสตร์

เจ๋งเกิน! ผู้หญิงได้ครองเก้าอี้ ผอ. หน่วยข่าวกรองเป็นครั้งแรก 

เมื่อวันที่ 16 มิ.ย.68 ที่ผ่านมา สำนักข่าวต่างประเทศสถานีวิทยุ National Public Radio (NPR) สหรัฐอเมริกา ได้ออกมารายงานว่า MI6 ได้ ผอ.เป็นหญิงคนแรกในประวัติศาสตร์แล้ว  

ต้องบอกว่าหากใครที่ติดตามหนังเรื่องนี้คงจะรู้เรื่องราวทั้งหมดดี ภาพยนตร์ชุดสายลับเมืองผู้ดี “พยัคฆ์ร้าย 007” เคยเขียนบทให้มีผู้หญิงเป็นผู้อำนวยการหน่วยข่าวกรองของอังกฤษอย่าง “MI6” โดยได้ จูดี เดนช์ (Judi Dench) นักแสดงหญิงรุ่นใหญ่ชาวอังกฤษ มารับบทผู้บังคับบัญชาของ เจมส์ บอนด์ (James Bond) อยู่หลายภาค แต่วันนี้เรื่องในหนังกลับกลายเป็นเรื่องจริงแล้ว  

ล่าสุดในแถลงการณ์เมื่อช่วงดึกของวันอาทิตย์ที่ผ่านมา “เคียร์ สตาร์เมอร์” นายกรัฐมนตรีแห่งสหราชอาณาจักร ประกาศว่า “เบลส เมเทรเวลี” วัย 47 ปี เป็นหัวหน้าหญิงคนแรกของ MI6 จะเข้ารับตำแหน่งใหม่ในฤดูใบไม้ร่วง สืบต่อจาก ริชาร์ด มัวร์ ซึ่งจะเกษียณอายุ ในขณะที่ เมตเรเวลี กล่าวว่า ตนรู้สึกภูมิใจและเป็นเกียรติมาก ตั้งตารอที่จะทำงานนี้ต่อไปร่วมกับเจ้าหน้าที่และสายลับของ MI6 และพันธมิตรระหว่างประเทศอีกมากมายแล้ว 

เธอได้เล่าต่ออีกว่า เธอเป็นเจ้าหน้าที่ข่าวกรองอาชีพ เข้าร่วมราชการในปี 2542 และเคยดำรงตำแหน่งระดับผู้อำนวยการในหน่วยงานในเครือของ MI6 คือ MI5 ในขณะที่ทำงานที่ MI5 ในปี 2564 เธอให้สัมภาษณ์โดยไม่เปิดเผยชื่อโดยใช้นามแฝงว่าผู้อำนวยการ “K” เตือนว่ากฎหมายจารกรรมของอังกฤษนั้นล้าหลัง และเปรียบเทียบรัสเซียที่ปกครองโดยประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน (Vladimir Putin) ว่าเหมือนกับพายุที่คาดเดาไม่ได้ นอกจากนั้น เมตเรเวลี ยังเคยดำรงตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายเทคโนโลยีและนวัตกรรมของ MI6 ซึ่งเทียบเท่ากับตัวละครที่ใช้รหัสย่อ “Q” ในภาพยนตร์เจมส์ บอนด์ ทำหน้าที่คิดค้นเทคโนโลยีต่างๆ มาสนับสนุนภารกิจภาคสนามของพยัคฆ์ร้าย 007  โดยเธอเล่าอีกว่า ในช่วงเวลาที่ MI6 และสหราชอาณาจักรโดยรวมเผชิญกับความท้าทายที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนจากรัสเซีย จีน อิหร่าน และเกาหลีเหนือ และจากองค์กรที่ไม่ใช่รัฐ เช่น กลุ่มฮูตีในเยเมน และอัลกออิดะห์ 

ทิ้งท้ายที่ว่า สหราชอาณาจักรกำลังเผชิญกับภัยคุกคามในระดับที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นผู้รุกรานที่ส่งเรือสอดแนมมายังน่านน้ำ หรือแฮกเกอร์ที่วางแผนโจมตีทางไซเบอร์อย่างซับซ้อนเพื่อทำลายบริการสาธารณะ  

ที่มา: เว็บไซต์ต่างประเทศ npr