สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานว่า รัฐบาลทหารพม่า เริ่มดำเนินการปราบปรามครั้งใหม่ เกี่ยวกับการกักตุนน้ำมันเชื้อเพลิง โดยทางการขู่ว่าจะจำคุกผู้ใดก็ตามที่ถูกพบว่ามีน้ำมันเกินกว่า 180 ลิตรโดยไม่มีใบอนุญาต ทั้งนี้ สื่อของทางการรายงานเรื่องนี้ขณะที่ประเทศกำลังเผชิญกับสถานการณ์ขาดแคลนน้ำมันอย่างฉับพลัน
หน่วยงานที่ควบคุมดูแลผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมได้เริ่มดำเนินการตรวจตราและตรวจสอบการขนส่งและการจัดเก็บผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมโดยไม่ได้รับอนุญาตในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ตามรายงานจากหนังสือพิมพ์โกลบอล นิว ไลท์ ออฟ เมียนมาร์
รายงานระบุว่า ผู้ที่ถูกจับได้ว่าจัดเก็บ หรือขนส่งผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมมากกว่า 50 แกลลอน (ประมาณ 180 ลิตร) โดยไม่มีใบอนุญาตจะถูกลงโทษจำคุก 1 ปี หรือถูกปรับเป็นเงิน 2,370 เหรียญสหรัฐ หรือราว 82,950 บาท
การปราบปรามที่เกิดขึ้นนี้เกิดขึ้นขณะที่นครย่างกุ้ง กำลังประสบปัญหาขาดแคลนเชื้อเพลิง ซึ่งส่งผลให้ผู้ขับขี่รถยนต์ในเมืองที่มีประชากรประมาณ 8 ล้านคน ต้องยืนแถวรอตั้งแต่เช้าตรู่ ด้วยความหวังที่จะได้เชื้อเพลิงที่กำลังขาดแคลน
การขาดแคลนเชื้อเพลิงนี้ยังส่งผลกระทบต่อธุรกิจและโรงพยาบาล ซึ่งต้องพึ่งพาเครื่องปั่นไฟในช่วงที่ไฟฟ้าดับบ่อยครั้ง
ค่าเงินจ๊าตของพม่าได้ตกต่ำลงเมื่อเทียบกับเหรียญสหรัฐฯ นับตั้งแต่ทหารยึดอำนาจในปี 64 ส่งผลกระทบต่อความสามารถของผู้นำเข้าในการชำระค่าขนส่งเชื้อเพลิง
เศรษฐกิจของพม่าได้ถดถอยลงตั้งแต่เกิดการรัฐประหาร ซึ่งนำไปสู่การชุมนุมประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยครั้งใหญ่ แต่ถูกปราบปรามอย่างรุนแรงโดยทหาร หลังจากนั้น กลุ่มกองกำลังพิทักษ์ประชาชนหลายสิบกลุ่มได้เกิดขึ้นทั่วประเทศ เพื่อต่อสู้กับรัฐบาลทหาร และมีการปะทะกันอย่างต่อเนื่องทั่วประเทศ
อีกทั้ง เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ธนาคารโลกกล่าวว่า GDP ของเมียนมาร์คาดว่า จะเพิ่มขึ้น 3% ในปีจนถึงเดือน ก.ย.66 ซึ่งยังคงต่ำกว่าปี 62 ประมาณ 10%
คลิปอีจันแนะนำ
ช่วยลุงเร่ร่อน เดินข้ามจังหวัด 300 กิโล