จุดจบของความรัก อดทนต่อไม่ไหว กลายเป็น รักต้องฆ่า

ย้อนคดีดัง เมียบงการฆ่าหั่นศพผัว เมื่อความอดทน กลายเป็นฟางเส้นสุดท้าย จุดจบของความรัก กลายเป็นการฆาตกรรมอย่างโหดเหี้ยม

ย้อนคดีพิศวาสฆาตกรรม เมีย ฆ่าหั่นศพ ผัว

เมื่อความอดทน กลายเป็นฟางเส้นสุดท้ายของชีวิตคู่ สุดท้ายทางออกของเรื่องนี้ จบลงด้วยการฆาตกรรมอย่างโหดเหี้ยม !

8 โมงเช้าของวันที่ 1 มีนาคม 2564

เกิดเรื่องช็อก ขึ้นในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เมื่อคนงานโรงงานอิฐบล็อก เจอชิ้นส่วนมนุษย์ถูกเผาทิ้งไว้ในพงหญ้า พื้นที่ อ.วังน้อย

ชิ้นส่วนที่พบมีเพียงลำตัวเท่านั้น ไร้หัว ไร้แขน และ ขา

ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน จึงเก็บชิ้นส่วนที่เจอ ไปตรวจดีเอ็นเอ เพื่อหาว่า ผู้ตาย คือ ใคร และตามหาชิ้นส่วนที่เหลือว่าอยู่ที่ไหน ?

คดีนี้ ชุดสืบสวน สภ.วังน้อย เริ่มตั้งโจทย์ หาจิ๊กซอว์ตัวแรกเพื่อคลี่คลายคดี ด้วยการสืบหาข้อมูลคนหาย ในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา แต่ก็ไม่มีข้อมูลการรับเเจ้งความคนหายในห้วงเวลานั้นเลย

ในวันเดียวกัน ก็เกิดเรื่องช็อกอีกครั้ง !

เมื่อคนขายโรตีสายไหม ริมถนน 374 อยุธยา-บางปะอิน เข้าแจ้งความกับตำรวจ เจอชิ้นส่วนมนุษย์ถูกเผาอยู่ใกล้กับเพิงขายของ ตรงจุดนี้กู้ภัยพบชิ้นส่วน แขน และ ขา ถูกหั่นแยกท่อน 6 ชิ้น

6 ชิ้นแบ่งเป็น เเขนท่อนบน 2 ข้าง เเขนท่อนล่างจนถึงมือ 2 ข้าง เเละขาท่อนล่างจนถึงเท้า 2 ข้าง ลักษณะถูกเผา ชิ้นส่วนบางชิ้น พบยังมีเลือด และ ผิวหนังยังคงสภาพเดิม

ชิ้นส่วนมนุษย์ที่พบในจุดที่สอง แสดงให้เห็นลักษณะการอำพรางคล้ายกัน คือ การหั่น แยกชิ้นส่วน และเผา ตำรวจพิสูจน์หลักฐานจึงเก็บลายนิ้วมือ เพื่อนำไปตรวจหาว่า ดีเอ็นเอตรงกับใคร และนำไปเทียบเคียงกับชิ้นส่วนที่พบในจุดแรก ว่าเป็นคนเดียวกันหรือไม่ ?

คดีนี้เริ่มใหญ่

พล.ต.ต.สุภธีร์ บุญครอง รอง ผบช.น.1 ในขณะนั้น ได้เรียก 7 ชุดสืบ ที่เคยสืบคดีใหญ่สำเร็จมารวมตัวกัน สืบทุกทาง เร่งคลี่ปม ฆ่า หั่น ศพ ข้อมูลที่ตำรวจได้มาเพิ่มนั้น คือ รูปพรรณสัณฐานของคนตาย

ผู้ตาย เป็นชาย ส่วนสูงตามคำวินิจฉัยจากแพทย์ ประมาณ 160-165 เซนติเมตร อายุไม่เกิน 30-40 ปี จุดที่ตาย คือ การถูกแทงเข้าที่ราวนมด้านซ้าย

ตำรวจค่อยๆ ประกอบ จิ๊กซอว์ที่ละตัว เพื่อไขคดีให้กระจ่าง

หลังตำรวจประชุมกันเสร็จ เหมือนฟ้าเป็นใจ ผลตรวจดีเอ็นเอออก จึงรู้ว่าผู้ตาย คือใคร

ผู้ตาย คือ นายสุบิน อายุ 54 ปี

นำชิ้นส่วนไปเทียบเคียงกันทั้ง 2 จุด ผลปรากฏชัดว่าเป็นคนคนเดียวกัน

นายสุบิน เป็นชาว จ.นนทบุรี เขามี ภรรยา และ ลูก 2 คน เขาและภรรยา มักมีปากเสียงกันอยู่บ่อยครั้ง ทำให้ภรรยา หนีออกไปอยู่ที่อพาร์ทเมนท์เป็นประจำ

จิ๊กซอ์ตัวต่อไป คือ ใครเป็นคนฆ่า นายสุบิน ?

ชุดสืบสวนรีบลงไปที่บ้านของ นายสุบิน ที่ จ.นนทบุรี แต่บ้านหลังนั้น ถูกปิดเงียบ ไร้คนอยู่

ชุดสืบสวน จึงติดต่อไปหา นางวาสนา ภรรยาของนายสุบิน แต่ก็ไร้การตอบรับ

ในคืนวันที่ 2 มีนาคม 2564 ตำรวจก็ได้หลักฐานเพิ่ม จากกล้องวงจรปิด เจอรถต้องสงสัยหนึ่งคัน ขับผ่านจุดทิ้งชิ้นส่วนทั้ง 2 จุด เมื่อตำรวจตรวจสอบข้อมูลแล้ว รถคันนี้เป็นรถของนายสุบิน

แล้วใครขับรถของนายสุบิน ?

รถยนต์ เป็นกุญแจ ดอกที่สอง ที่จะนำไปสู่การไขคดีนี้

พล.ต.ท.อำพล บัวรับพร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ในขณะนั้น เผยว่า ตำรวจตามหารถ นายสุบิน ไล่ตามกล้องวงจรปิด จนพบว่า รถถูกจอดไว้ที่หน้าหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ซึ่งห่างจากบ้านของนางวาสนา เพียง 500 เมตรเท่านั้น รถถูกถอดป้ายทะเบียนออกทั้งหน้าและหลัง

ชุดสืบสวน อีก 1 ชุด ลงตรวจสอบอพาร์ทเมนท์ ที่นางวาสนามักไปเป็นประจำ ก็เป็นไปตามคาด เธออยู่ที่นั่น กับชายคนหนึ่ง

ซึ่งชายคนนี้ ชื่อ เมฆ เป็นหลานชายแท้ๆของนางวาสนา

ตำรวจจึง เชิญตัวทั้ง 2 คน มาสอบปากคำในฐานะพยาน

ในขณะเดียวกันคืนวันที่สอบปากคำ นางวาสนา และ นายเมฆ ทั่งคู่มีพิรุธ ไม่นานก็ปริปาก รับสารภาพว่า ฆ่าหั่นศพนายสุบิน

เธอและนายเมฆ ค่อยๆเล่า

ค่ำคืนอันโหดร้าย เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2564

เธอและ เมฆ หลานชาย ขับรถมาที่บ้าน เมื่อ นายสุบินมาถึง ก็เกิดมีปากเสียงกันรุนแรง จนกระทั่งนายเมฆใช้มีดสปาต้าแทงเข้าไปที่ราวนมด้านซ้ายของนายสุบิน

สิ้นเสียงลมหายใจเฮือกสุดท้ายของ นายสุบิน

นางวาสนา เเละ นายเมฆ นั่งคิดหาทางออกกับเรื่องนี้

จนสุดท้าย ตัดสินใจ หั่นศพ

หลังหั่นศพแล้ว ทั้งคู่ทำการแยกชิ้นส่วนใส่ถุงดำที่ไปซื้อจากร้านสะดวกซื้อ

แบ่ง เป็น 3 ถุง ใส่หัว แขน และขา ส่วนลำตัว เอาไวนิลพันและเชือกมัดอีกชั้นหนึ่ง ก่อนจะนำชิ้นส่วนทั้งหมดขึ้นรถแล้วขับออกจากบ้านไปเรื่อยๆ

จนกระทั่งไปถึง ริมถนน 374 อยุธยา – บางปะอิน ทิ้งส่วนเเขนเเละขา 6 ชิ้น

ขับออกไปอีก 10 กิโลเมตร ริมถนน 356 บางปะอิน-วังน้อย เป็นจุดที่ทิ้งส่วนลำตัวของนายสุบิน เเละจุดสุดท้าย เป็นจุดที่ทิ้งหัวของนายสุบิน

เธอ พรั่งพรูคำพูดออกมาว่า ทุกอย่างที่เกิดขึ้น เกิดจากฟางเส้นสุดท้าย

“เขาเป็นคนที่โมโหร้าย โมโหร้ายมาก เเล้วก็เคยตัวที่จะต้องทำร้ายร่างกายเราตลอดเวลา แล้วเราก็สู้เขาไม่ได้ หนักสุดเอากาน้ำฟาดหัวแตก จริงๆไม่ได้ตั้งใจให้เกิดขึ้น มัน คือ ฟางเส้นสุดท้าย แค่อยากมาบอกให้เขาออกจากบ้าน” นางวาสนาเล่า

ส่วน นายเมฆ หลานชาย เล่าว่า มีดสปาต้าเล่มนั้น ตนไม่ได้ตั้งใจเอาไปแทงแค่เอาไปขู่ แต่ถูกนายสุบิน ทำร้าย จึงโมโห คว้ามีดแทง

นางวาสนา และ นายเมฆ ถูกแจ้ง 2 ข้อหาหนัก

1.ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน

2.ร่วมกันปิดบัง ทำลาย ซ่อนเร้นอำพรางศพ

คดีนี้เริ่มต้นด้วยความรักมาก แต่ก็จบลงด้วยความโหดร้ายมากเช่นกัน

แม้รู้สึกผิด แต่ก็ไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขสิ่งที่เกิดขึ้นได้

ความรุงแรงไม่ใช่ทางออกของความรักที่ดี

อีจันขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิตอีกครั้งค่ะ