
วันนี้ (2 ก.ค. 2568) ณตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล นางนลินี ทวีสิน ประธานผู้แทนการค้า และนางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม ร่วมกันเป็นประธานการแถลงข่าวเกี่ยวกับความคืบหน้าระหว่างประเทศไทยกับสาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศผลักดันเส้นทางเดินเรือสายใหม่ จากเส้นทางเดินเรือตรงจากท่าเรือระนองของไทยเชื่อมสู่ท่าเรือจิตตะกองของบังกลาเทศ โดยไม่ต้องอ้อมผ่านช่องแคบมะละกาและท่าเรือสิงคโปร์ ซึ่งจะสามารถลดระยะเวลาการขนส่งจาก 7–15 วัน เหลือเพียง 3–5 วัน และช่วยลดต้นทุน เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการไทยในตลาดบังกลาเทศที่มีประชากรกว่า 170 ล้านคน
สำหรับความร่วมมือครั้งนี้มีจุดเริ่มต้นมาตั้งแต่เดือนก.ค. 2567 ตามนโยบายของรัฐบาลภายใต้การนำของ นาย ศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และได้ต่อยอดอย่างเป็นรูปธรรมในรัฐบาลของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โดยตนได้รับมอบหมายให้นำคณะนักธุรกิจไทยเยือนบังกลาเทศอย่างเป็นทางการ เพื่อขยายโอกาสทางการค้าและสร้างเครือข่ายโลจิสติกส์ฝั่งอันดามัน ในการเยือนครั้งนั้นได้เข้าหารือกับนายกรัฐมนตรีบังกลาเทศ และ ประธานการท่าเรือจิตตะกอง ซึ่งทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องกันว่า ถึงเวลาแล้วที่ควรมี
นางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม กล่าวว่า ตามนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงคมนาคมที่ต้องการยกระดับการให้บริการท่าเทียบเรือให้ได้มาตรฐานสากล จึงได้จัดประชุมเชิงปฏิบัติการภายใต้ความร่วมมือ (MOU) ระหว่างการท่าเรือระนองและท่าเรือจิตตะกอง เพื่อขับเคลื่อนความร่วมมือด้านการขนส่งระหว่างสองประเทศ โดยเฉพาะการลดต้นทุนด้านโลจิสติกส์ เพิ่มศักยภาพท่าเรือระนอง และเตรียมความพร้อมสู่การเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ในอนาคต
“ความร่วมมือครั้งนี้ไม่ใช่แค่การเปิดประตูสู่บังกลาเทศ แต่ยังเป็นก้าวแรกสู่การเชื่อมโยงกับกลุ่มบิมสเทค (BIMSTEC) ซึ่งเป็นความริเริ่มแห่งอ่าวเบงกอล โดยมีประชากรรวมกว่า 1.8 พันล้านคน หรือกว่า 22% ของประชากรโลก และถือเป็นโอกาสใหม่สำหรับผู้ประกอบการไทยในหลากหลายสาขา” นางมนพร กล่าว
ทั้งนี้ในปี 2567 ท่าเรือระนองมีปริมาณสินค้าผ่านท่ารวมทั้งสิ้น 324,933 ตัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 251% และยังมีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง การท่าเรือแห่งประเทศไทยจึงเร่งเดินหน้าพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและยกระดับคุณภาพการให้บริการของท่าเรือระนองให้สอดรับกับทิศทางเศรษฐกิจใหม่ โดยเฉพาะในพื้นที่ฝั่งอันดามันซึ่งมีศักยภาพสูงในการเป็นประตูการค้าสำคัญของประเทศ
นายฟัยยาซ มูรชิด กาซี เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศ กล่าวว่า รัฐบาลบังกลาเทศพร้อมสนับสนุนและอำนวยความสะดวกทุกขั้นตอน เพื่อให้เส้นทางเดินเรือสายใหม่นี้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืน
นายเกรียงไกร ไชยศิริวงศ์สุข ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ความร่วมมือระหว่างท่าเรือระนองและท่าเรือจิตตะกอง กำลังขับเคลื่อนสู่ความเป็นรูปธรรมผ่านการจัดตั้งคณะทำงานร่วมจะเป็นกลไกสำคัญในการผลักดันและติดตามการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง พร้อมกันนี้การท่าเรือฯ ยังมีแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของท่าเรือระนองในหลายด้าน เพื่อรองรับปริมาณสินค้าที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการจัดหาเครื่องมือทุ่นแรงเพิ่มเติม การปรับปรุงระบบคลังสินค้า และการพัฒนาโครงข่ายเชื่อมโยงด้านโลจิสติกส์ ให้มีความทันสมัยและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น รองรับการเติบโตในระยะยาว