ตามที่ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า รายงานตัวเลขการปิดกิจการของธุรกิจไทย 6 เดือนที่ผ่านมามีจำนวน 6,039 ราย โดยธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหาร ติดอยู่ใน 3 อันดับธุรกิจปิดกิจการมากที่สุด เนื่องจากปัญหาเศรษฐกิจซบเซาจนทำให้ประชาชนระวังการใช้จ่ายมากขึ้น ธุรกิจที่ไหวก็ไปต่อ แต่ถ้าไม่ไหวก็คงล้มหายไปตามๆ กัน…
วันนี้ (29 ก.ค.67) จากการสำรวจสถานการณ์ธุรกิจร้านอาหารของผู้ประกอบการรายย่อย เช่น ร้านอาหารขนาดเล็ก สตรีทฟู้ด หาบเร่ แผงลอย ร้านค้าออนไลน์ เป็นต้น ขณะนี้เจอภาวะเศรษฐกิจซบเซากดดันให้กำลังซื้อของภาคประชาชนหดตัวลง ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อการทำธุรกิจถึงขั้นปิดกิจการไปแล้ว และในอนาคตมีแนวโน้มจะปิดเพิ่มขึ้น หากสถานการณ์ไม่ดีขึ้น
ข่าวน่าสนใจอื่น
นางฐนิวรรณ กุลมงคล นายกสมาคมภัตตาคารไทย เปิดเผยว่า สถานการณ์ร้านอาหารช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา (เดือนพ.ค.-ก.ค.67) โดยยอดขายช่วงเวลาดังกล่าวลดลงไปมาก หรือลดลงราว 120%-150% โดยเฉพาะธุรกิจร้านอาหารขนาดเล็กที่ตั้งอยู่ในห้องแถว และร้านค้าสตรีทฟู้ด ส่วนใหญ่มีสภาพคล่องทางการเงินไม่มากนัก
“เมื่อขาดทุนอย่างหนัก 3 เดือนติดต่อกัน อาจไม่สามารถประกอบธุรกิจต่อไปได้ และต้องปิดกิจการไป อีกทั้งไม่เพียงแต่ร้านอาหารที่มีหน้าร้านเท่านั้นที่ปิดกิจการ แต่ช่วงที่ผ่านมา ร้านอาหารบนแพลทฟอร์มออนไลน์ปิดกิจการไปนับแสนรายเช่นกัน แม้เข้าใจว่าเป็นช่วงโลว์ซีซั่นของธุรกิจร้านอาหาร แต่ปีนี้ยอดขายตกลงมากกว่าปกติจนผู้ประกอบการไปต่อไม่ไหว”นางฐนิวรรณกล่าว
อย่างไรก็ตาม การติดตามสถานการณ์อาการเหล่านี้เกิดขึ้นทั่วประเทศ ยกเว้นบางจังหวัด เช่น จังหวัดภูเก็ต ยังไปได้ดี ขณะที่เชียงใหม่ แม้จะเป็นจังหวัดท่องเที่ยวเช่นกันแต่ยอดขายซบเซา รวมถึงน่าน ยอดขายตกลงไปมากพอสมควร สำหรับสาเหตุหลักมาจากปัญหาด้านเศรษฐกิจตกต่ำ รวมถึงธุรกิจในภาคอสังหาริมทรัพย์และตลาดหุ้นลดลง ส่งผลกระทบต่อเนื่องในธุรกิจร้านอาหาร ทำให้ประชาชนระมัดระวังการใช้จ่าย
“อยากให้รัฐบาลพิจารณาการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาทประกาศใช้ จะเป็นเรื่องที่ทำร้ายธุรกิจอาหารซ้ำแล้วซ้ำอีก จนนำไปสู่การตัดสินใจปิดกิจการได้ หรือการลดสเกลธุรกิจลงได้ หากร้านที่มีลูกจ้างหลายคนก็ต้องขึ้นเงินเดือนทั้งโครงสร้าง ไม่เพียงค่าแรงขั้นต่ำเท่านั้น จะกระทบต้นทุนสูงขึ้นและไม่ส่งผลดี”นางฐนิวรรณกล่าว
ทั้งนี้ ข้อมูลจากชมรมผู้ประกอบการธุรกิจร้านอาหาร รายงานข้อมูลระบุว่าช่วง 5 เดือนแรกของปี 67 (เดือนม.ค.พ.ค.67) ร้านอาหารเริ่มทยอยปิดตัวลงไปมากกว่า 40% คาดว่าหากสถานการณ์ยังไม่ได้รับการแก้ไข หรือยังไม่มีการช่วงเหลือจากภาครัฐ เชื่อว่าปี 67 การปิดตัวร้านอาหารจะเพิ่มขึ้นถึง 50%
