สาวทิ้งเงินเดือน 30,000 มุ่งสู่เกษตรกรออนไลน์

เพราะลูกคือทุกสิ่งที่แม่มี สาวศรีสะเกษเลิกทำโรงงาน ตีตั๋วกลับบ้าน เป็นเกษตรกรออนไลน์ เพื่อดูแลลูกจนวันสุดท้ายของชีวิต

งานเกษตรกรรม เป็นงานที่หลายคนมองว่ายากเย็น เหนื่อยหนัก ลำบาก เลือกได้ก็ขอไปทำอาชีพอื่นดีกว่า เช่นเดียวกับพี่แก้ว พรรณิภา ทาคำสุข อายุ 36 ปี ชาวศรีสะเกษ หญิงสาวที่หนีงานเกษตรกรรมที่เป็นอาชีพหรือเรียกว่าเป็นรากเหง้าของครอบครัวเธอดิ้นรนเพื่อเข้ามาทำงานในเมืองเพื่อเป็นสาวโรงงาน แต่สุดท้ายเพราะลูกทำให้เธอต้องกลับมาทำไร่ทำสวน รู้ตัวอีกทีก็หลงรักและเคารพอาชีพชาวสวนชาวไร่มากจนถอนตัวไม่ขึ้นเลยทีเดียว

พี่แก้วเล่าให้เราฟังว่า เดิมทีเธอก็เป็นเด็กสาวต่างจังหวัดทั่วไปที่มีฝันว่าอยากเข้าเมืองไปทำงาน สร้างฝัน มีชีวิตใหม่อะไรก็ได้ที่ไม่ใช่งานเกษตรกรรม เพราะที่เธอเห็นคือมันรวยช้า เหนื่อย เลยทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้มาทำงานในเมืองกรุงด้วยวุฒิการศึกษา ป.6 ในระหว่างการทำงานด้วยความขยันและมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีต่อทุกคนทำให้หน้าที่การงานเธอเจริญขึ้นตามลำดับ แล้วก็ไปเรียนต่อให้จบม.6 เพื่อให้ได้ตำแหน่งหัวหน้าที่มีเงินเป็นเป้าหมายจำนวน 30,000 บาทต่อเดือน ซึ่งพี่แก้วบอกว่ายิ่งทำยิ่งเหนื่อย เมื่อก่อนทำยังไงก็ได้ให้ได้ออกจากบ้านนา ตอนนี้ทำอะไรก็ได้ขอให้ได้กลับบ้านเรา แต่ด้วยภาระหลาย ๆ อย่างที่รุมเร้าทำให้ยังทิ้งเงินเดือนก้อนนี้ไปไม่ได้ จึงต้องจำทนทำต่อไป พร้อมกับที่เริ่มศึกษางานเกษตรปลูกนั่นนี่ผ่านทางยูทูป แล้วก็ได้แต่คิดว่าต้องมีสักวันที่ได้กลับไป

และแล้ววันนั้นก็มาถึงแต่สาเหตุที่ทำให้กลับบ้านเป็นเรื่องที่น่าเสียใจ เพราะลูกชายสุดที่รักของพี่แก้วป่วยเป็นโรคไขกระดูกฟ่อ มีหรือคนเป็นแม่จะไม่อยากดูแลใกล้ชิดลูก พี่แก้วจึงตัดสินใจออกจากงานทิ้งทุกสิ่งกลับบ้านมาทำงานเกษตรกรรม เพราะอย่างน้อยกลับบ้านก็มีครอบครัวช่วยดูแลหลานที่เปรียบดั่งแก้วตาดวงใจของครอบครัว

เมื่อกลับบ้านมาพี่แก้วลงมือทำสวนทำไร่ จากที่ได้ศึกษามาและจากคำปรึกษาของพ่อแม่ นำมาลงมือทำอย่างมีหลักการ เป็นการร่วมแรงร่วมใจของคนทั้งบ้าน ในเมื่อหน้าทำนาแต่หน้าน้ำไม่ดีเลยหันมาปลูกพืชหมุนเวียน เพิ่มโอกาสในการทำเงิน อย่างเช่นต้นปีปลูกฟักทอง มันญี่ปุ่น กลางปีทำนา เลี้ยงแหนแดงขายเป็นอาหารสัตว์ ผักพายผักแขยง ปลายปีปลูกกระเจี๊ยบขาย ซึ่งทั้งหมดที่ลงมือ ลงทุนลงแรงไป มันได้ผลอย่างดี เพราะเลือกพืชที่เป็นที่ต้องการของตลาดไม่ปลูกอย่างใดอย่างหนึ่งเพราะถ้าพืชนั้นล้นตลาดราคาตก ก็เท่ากับเราจะเสียโอกาสไปเลย

จากวันที่เริ่มจนถึงตอนนี้ก็เข้าสู่ปีที่ 4 แล้ว ที่พี่แก้วเดินอยู่บนเส้นทางสายเกษตร และถึงแม้ลูกชายสุดที่รักที่เป็นคนบันดาลใจให้แกกลับบ้านมาจะเสียชีวิตไปแล้วเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2564 ที่ผ่านมา พี่แก้วก็ยังคงดำเนินการทำการเกษตรต่อเพราะชีวิตต้องเดินต่อไป แถมตอนนี้ยังเพิ่มอีกหน้าที่คือการทำการตลาดออนไลน์ เรียกได้ว่าเป็น เกษตรกรออนไลน์ ได้อย่างเต็มภาคภูมิ เริ่มจากขายออนไลน์ให้คนได้รู้จักผลิตผลจากสวนของเธอ จนไปสู่ตอนนี้ที่เริ่มทำคอนเทนต์ของตัวเองลงสู่ยูทูปแล้ว พี่แก้วบอกว่าทุกวันนี้นับว่าประสบความสำเร็จแล้วเพราะความร่วมมือร่วมใจของคนในครอบครัว พี่แก้วจัดการงานออนไลน์ ครอบครัวก็ดูแลเรื่องผลผลิตไป สองทางประสานเป็นความสำเร็จของครอบครัว เป็นสุขที่ยั่งยืน

พี่แก้วบอกว่าการทำเกษตรใจความสำคัญที่สุดคือการประมาณตน ไม่ทำอะไรเกินตัว ลงทุนให้น้อยที่สุด ที่สำคัญอย่ารักสบาย มันไม่มีสูตรสำเร็จอะไรเลย บางสิ่งที่เป็นทฤษฎีก็ต้องเรียนรู้ไว้ ซึ่งบางครั้งก็ต้องปรับใช้ให้ถูกกับตนเอง ค่อยเป็นค่อยไปเพราะทุกสิ่งมีเวลาของมันทั้งสิ้น

พวกเราทีมงาน จันลั่นทุ่ง หวังว่าเรื่องของพี่แก้ว จะสร้างแรงบันดาลให้ให้คนที่คิดถึง อยากทำงานเกษตรกรรมได้ไม่มากก็น้อยนะคะ ไม่มีสิ่งใดสายถ้าเราตั้งใจทำค่ะ ซึ่งพี่แก้วฝากบอกว่าหากใครอยากติดต่อปรึกษากันเรื่องงานการเกษตรโทรศัพท์หากันได้ที่ 084-359-7509 ค่ะ