อดีตโปรกอล์ฟเห็นทางสว่างใหม่ทำ ฟาร์มเห็ด สุดทันสมัย ลงทุนไม่เท่าไหร่ได้กำไรคืนแล้ว

ถ้าไม่ดิ้นก็สิ้นแน่ ! อดีตโปรกอล์ฟไม่ท้อรอให้โควิดซา มุ่งหน้าทำ ฟาร์มเห็ด สร้างรายได้ดี มีเผื่อไปถึงชุมชนด้วย

คนหลายหลายอาชีพต้องเดือดร้อนจากวิกฤต โควิด ในหลาย ๆ ระลอกที่ผ่านมา ก็ยังไม่หมดสิ้นจากโลกของเรา หนำซ้ำระลอกนี้หนักมาก ติดกันเป็นพันรายในแต่ละวัน ทำให้ในหลาย ๆ อาชีพต้องหยุดพักเรียกว่าหยุกชะงักชักปลั๊กกันไปเลย อาชีพนักกีฬาก็เป็นหนึ่งในอาชีพที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักเช่นเดียวกัน อย่างที่วันนี้ทีมงาน จันลั่นทุ่ง จะพามาดูโปรกอล์ฟที่เล่นกอล์ฟเป็นอาชีพที่ตอนนี้ผันตัวมาเป็นเกษตรกรมืออาชีพแล้วค่ะ

เรื่องราวนี้เป็นเรื่องราวของ โปรอ้วน นายนิทัศน์ ขันกสิกรรม โปรกอล์ฟชื่อดังที่ของวางไม้กอล์ฟแล้วหันมาทำ ฟาร์มเห็ด ออแกนิค ด้วยระบบ SCM ที่เป็นระบบที่ทันสมัยที่สุด และผลิตก้อน เห็ด ได้ไวที่สุด ในภาคเหนือตอนล่างกันเลยทีเดียว ที่ฟาร์มเห็ดเกษตรวิริยะ ฟาร์มที่โปรอ้วนรักและภูมิใจ ตั้งอยู่ เลขที่ 304/1 หมู่ 3 ต.บึงพระ อ.เมือง จ.พิษณุโลก

โปรอ้วนเล่าว่าตนได้เข้าสู่วงการกอล์ฟ ด้วยการเรียน จนได้ผ่านโปรกอล์ฟ มีโอกาสได้เป็นผู้ตัดสินในทัวร์ของไทย All Thailand Golf Tour และทัวร์ใหญ่ก็คือ เอเชียน ทัวร์ เดินทางไปต่างประเทศหลายประเทศ จนกระทั่งเกิดการระบาดของโควิด-19 ประเทศเริ่มปิด ไม่สามารถเดินทางไปทำงานได้ ประกอบกับมีความรู้สึกว่าวันนี้ชีวิตได้เดินทางมาถึงจุดอิ่มตัว คือเราอยากอยู่กับที่ อยากอยู่กับครอบครัวแล้ว ไม่อยากเดินทางอีกแล้วเพราะเราเดินทางมาเยอะแล้ว จึงมาเริ่มคิดว่าจะทำอะไร ให้มีรายได้

โดยที่สามารถอยู่กับครอบครัวชดเชยเวลาที่เราเคยเสียไปได้ จึงมีโอกาสได้ลงเรียนคอร์สฟาร์มเห็ดกับ อ.สิงห์โตที่จ.นครราชสีมา ได้ฝึกงานเรียนรู้ และมีโอกาสได้พูดคุยเกี่ยวกับระบบฟาร์มเห็ดที่ครบวงจรและทันสมัยที่สุดอย่าง ระบบ SCM ตนจึงเริ่มลงมือปรับสถานที่ต่าง ๆ ภายในตัวบ้านที่เคยเป็นโรงสีมาก่อน ให้เป็นโรงเรือนฟาร์มเห็ด โดยใช้ก้อนหัวเชื้อเห็ดจำนวนกว่า 1,500 ก้อนภายในโรงเรือน เริ่มให้ผลผลิตตั้งแต่ช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ส่งขายตามท้องตลาดทั่วไป แต่สิ่งที่แตกต่างกันคือ ในท้องตลาดเขาทำก้อนเชื้อจากก้อนขี้เลื่อย แต่ฟาร์มของเราใช้ฟางข้าวแทน ซึ่งเป็นวัสดุปลูกที่หาได้จากท้องถิ่นบ้านเราเอง

เห็ดที่ปลูกจะเป็น เห็ดนางรมเทา เห็ดนางรมดำ เพราะเห็ดประเภทนี้มีลักษณะพิเศษคือ ทนต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ ทนร้อนได้ดี โดยเฉพาะวิธีการเพาะเห็ดจากฟางข้าว รสชาติของเห็ดจะแตกต่างจากก้อนเห็ดขี้เลื่อย คือรสชาติมันจะมีความหนึบหนับ เด้ง มากกว่ากัน รสชาติก็จะหวานกรอบกว่า ซึ่งโรงเห็ดของเราจะเป็นโรงเห็ดขนาดใหญ่ พื้นที่ประมาณ 5×12 เมตร จำนวน 4 โรง เป็นฟาร์มระบบปิดมีตัวควบคุมอุณหภูมิ ให้ความชื้น ตามระบบของ SCM ซึ่งทุกอย่างจะสามารถควบคุมผ่านแอพพลิเคชั่นในโทรศัพท์มือถือได้เลย

ส่วนขั้นตอนการทำเห็ดคือผ่านระบบ SCM ซึ่งเป็นโรงผลิตหัวเชื้อ คือการนำฟางที่ได้มามาทำความสะอาดด้วยวิธีการล้างฟาง และทิ้งไว้ 1 คืน เพื่อกำจัดสารเคมีที่ตกค้างอยู่ในข้าว กำจัดเศษดิน สิ่งสกปรกทั้งหลายที่อยู่ที่ฟางข้าว ที่สำคัญคือกระตุ้นการเกิดของไข่ไรที่มีอยู่ในฟางข้าวอยู่แล้ว พอเขาได้รับการกระตุ้นจากไข่จะกลายเป็นตัวอ่อน ซึ่งพอเป็นตัวอ่อนแล้ว เราจะสามารถกำจัดเขาได้ง่ายที่สุด เมื่อทิ้งไว้หนึ่งคืนแล้วเช้ามาก็จะเริ่มเข้าสู่กระบวนการผลิตด้วยการนำฟางไปปั่น ผ่านเทคโนโลยีของไทยเราเอง คือการนำฟางก้อนใหญ่ๆ ไปปั่นให้เป็นชิ้นเล็ก ๆ จากนั้นก็นำฟางที่ย่อยแล้วมาอัดในถุง

ซึ่งถุงบรรจุหัวเชื้อของเราผลิตจากเมล็ดข้าวโพดสามารถย่อยสลายได้ในธรรมชาติ จากนั้นก็โรยเชื้อเป็นชั้น ๆ ของเราจากหนึ่งก้อน น้ำหนักต่อก้อนจะอยู่ที่ประมาณ 5-6 กิโลกรัม ซึ่งหลังจากบรรจุเป็นก้อนเรียบร้อยแล้วเราจะนำไปไว้ในโรงบ่ม ซึ่งก้อนเห็ดจะคายแก๊สในตัวออกมา จากนั้นก็นำเข้าห้องเปิดดอก เอาไปไว้สักระยะหนึ่งประมาณ 20-25 วัน จะสังเกตเห็นได้ว่าก้อนเห็ดจะเริ่มเดินเป็นเส้นสีขาวๆ จากนั้นเราก็มาเริ่มกรีดเปิดดอกให้ก้อนเห็ด ถ้านับจากวันที่เขาเริ่มมีตาดอกแล้ว นับไปอีก 3 วันก็จะสามารถเก็บผลผลิตได้เลย สำหรับการเก็บผลผลิต วันหนึ่งจะสามารถเก็บผลผลิตได้ถึง 3 ครั้ง

การเจริญเติบโตของก้อนเห็ดจะเติบโตได้ดีในเวลากลางคืน คือสามารถเก็บได้รอบเช้า 1 รอบ บ่าย 1 รอบ และหลังพระอาทิตย์ตกได้อีก 1 รอบ สำหรับก้อนเห็ด 1 ก้อนจะสามารถให้ผลผลิตได้ประมาณ 1.5-2 กิโลกรัม (ต่อระยะเวลา 1 รอบ คือ 45-60 วัน) จากนั้นก็จะทำการปลดระวางหัวเชื้อก้อนเห็ด ซึ่งหัวเชื้อก้อนเห็ดที่ปลดระวางแล้ว สามารถนำไปขายให้กับผู้เลี้ยงปลานิล ปลาทับทิมเป็นอาหารได้ เพราะในก้อนเชื้อจะมีโปรตีนสูงช่วยให้ปลาโตไวอีกด้วย

สำหรับการดูแลรักษาความสะอาดในโรงเปิดดอก ต้องระวังมากที่สุดคือในเรื่องของมดและแมลง เราต้องเคลียร์พวกนี้ออกให้มด ล้างพื้นให้สะอาดใช้น้ำฉีด อย่างน้อยอาทิตย์ละ 1 ครั้ง ซึ่งทางฟาร์มเห็ดของเราจะไม่ใช้สารเคมีใด ๆ ทั้งสิ้นในการกำจัดแมลง แต่เราจะใช้วิธีเทนมเปรี้ยวใส่ ถ้วย ไปว่างไว้ตามจุดต่าง ๆ ของพื้นภายในโรงเปิดดอก และใช้ใบตองทาด้วยน้ำมันห้อย ไว้เป็นจุดเพื่อดักแมลงตัวเล็ก ๆ

ทั้งนี้อุณหภูมิภายในโรงเห็ด จะรู้สึกได้ว่าเหมือนอยู่ในเมืองหมอก ยิ่งเราทำอุณหภูมิของเห็ดได้ต่ำมากเท่าไหร่ เห็ดก็จะยิ่งโตไว ยิ่งหวาน ยิ่งกรอบ เห็ดของเราเก็บผลผลิตได้ทุกวัน และหลังจากที่เราเก็บเห็ดมาได้แล้วเราจะนำเห็ดมาตัดแต่ง ตัดเศษฟาง หรือเห็ดต้นเล็กออกจากนั้นก็ส่งขายตามตลาดในตัวเมืองพิษณุโลก ได้ราคาดีกิโลกรัมละ 50-60 บาทเลยทีเดียว นอกจากนี้เห็ดดอกเล็กที่ตัดออกมานั้น ก็นำมาต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่มด้วยการนำมาแปรรูปเป็นแหนมเห็ด จำหน่ายได้อีก ในราคา ก้อนละ 10 บาท หนัก 50 กรัม 1 ถุงจะมีแหนมเห็ด 5 ก้อน ราคา 50 บาท และนำมาแปรรูปเป็นน้ำพริกเห็ด ราคากระปุกละ 35 บาท (หนัก 100 กรัม) หรือ 3 กระปุก 100 บาท ต้องบอกตรงนี้เลยตอนนี้ทั้งแหนมเห็ดและน้ำพริกเห็ดขายดีมาก ทำแทบไม่ทันเล

ส่วนในอนาคตอันใกล้นี้โปรอ้วน กำลังจะจัดตั้งเป็นวิสาหกิจชุมชน ทำเป็นอุตสาหกรรมเพราะเราสามารถผลิตทุกขั้นตอนได้เอง จากนั้นจะเปิดให้ผู้ที่สนใจเข้ามาเรียนรู้ และเปิดรับลูกฟาร์ม ที่ต้องการเพาะเห็ด เราก็จะคอยดูแล คอยแนะนำให้ ผลิตเราก็รับซื้อเพราะอนาคต ตนจะนำเห็ดเกษตรวิริยะขึ้นจำหน่ายบนห้างฯ ต่าง ๆ ให้ได้ สำหรับใครที่สนใจ อยากจะเรียนรู้วิธีการเพาะเห็ดนางรมเทา เห็ดนางรมดำ หรืออยากจะอุดหนุนผลิตภัณฑ์ทั้งเห็ดสด แหนมเห็ด และน้ำพริก ที่หน้าฟาร์มก็มีจำหน่ายในราคาพิเศษกว่าท้องตลาด ก็สามารถเดินทางมาได้ ฟาร์มเห็ดเกษตรวิริยะ ตั้งอยู่ ต.บึงพระ ใช้เส้นทางสี่แยกตลาดบึงพระ เลี้ยวขวา 30 เมตรก็จะถึงฟาร์มเห็ด สามารถสอบถามได้ทางหมายเลขโทรศัพท์ 080-494-1555