วันนี้ ( 25 ม.ค. 65 ) ในพื้นที่ อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา มีเกษตรกรจำนวนมาก เริ่มปรับเปลี่ยนการทำเกษตรจากพืชไร่ ปลูกมันสำปะหลังและอ้อย มาเป็นการเพาะปลูกผลไม้ยืนต้นกันมากขึ้น โดยเฉพาะทุเรียน ซึ่งเป็นผลไม้ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ขายได้ราคาดี แต่กว่าทุเรียนจะให้ผลผลิต ต้องรอยาวนานประมาณ 4 – 5 ปี เกษตรกรจึงต้องสรรหาพืชต่างๆ มาปลูกบนพื้นที่ว่างระหว่างต้น ทุเรียน เพื่อให้มีรายได้เสริมเป็นค่าใช้จ่ายต่างๆ ในช่วงรอทุเรียนให้ผลผลิต
โดยนางสุพรรษา พุฒพันธ์ อายุ 47 ปี เกษตรกรบ้านไร่แหลมทอง หมู่ที่ 12 ต.ลำเพียก อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา บอกว่า ได้ปรับเปลี่ยนพื้นที่ 7 ไร่ มาปลูกทุเรียนและเงาะสลับกันไป หวังให้เป็นช่องทางเพิ่มรายได้มากยิ่งขึ้น และจะได้มีความยั่งยืนในอนาคต ซึ่งในช่วงรอผลผลิตทุเรียนและเงาะ ได้ทดลองปลูกพืชชนิดอื่นๆ ลงบนพื้นที่ว่าง ล่าสุด ทดลองปลูกสตรอเบอร์รี่ ซึ่งก็ได้ผลดีเป็นที่น่าพอใจ และได้เพาะต้นพันธุ์ขายสร้างรายได้เสริม โดยปีแรก มีรายได้กว่า 2 หมื่นบาทเลยทีเดียว
โดยตนได้สตรอเบอร์รี่พันธุ์พระราชทาน 80 มาจากคนรู้จักที่ อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา และได้นำมาทดลองปลูก ด้วยการนำไหลของต้น สตรอเบอร์รี่ มาปักชำไว้ใต้ต้นทุเรียน จากนั้น ก็รดน้ำให้ปุ๋ยต้นทุเรียนตามปกติ ซึ่งพบว่า ต้นสตรอเบอร์รี่เจริญงอกงาม เพราะได้น้ำและปุ๋ยจากต้นทุเรียนไปด้วย จึงตัดสินใจนำมาลงแปลงปลูกในพื้นที่ว่างประมาณ 1 งาน และให้น้ำด้วยระบบน้ำหยด ซึ่งก็ได้ผลดีเช่นเดียวกัน
อีกทั้งยังติดลูกดกและใหญ่ไม่แพ้ที่อื่นๆ จากนั้นมีเพื่อนเกษตรกรมาเห็น และขอซื้อไปทดลองชิม พร้อมกับถามถึงวิธีเพาะปลูก ตนจึงเริ่มทดลองนำไหลมาเพาะขยายพันธุ์เพื่อจำหน่าย ก็ประสบความสำเร็จอย่างดี สามารถเพาะพันธุ์จำหน่ายได้เป็นจำนวนมาก ซึ่งปีนี้เป็นปีแรกที่ทดลองเพาะพันธุ์สตรอเบอร์รี่จำหน่าย ราคาต้นละ 20 บาท ทำให้มีรายได้เสริมมากกว่า 20,000 บาทแล้ว
สำหรับวิธีการ เพาะพันธุ์สตรอเบอร์รี่ นั้น เริ่มต้นจากการนำเอาไหลสตรอเบอร์รี่มาปักชำใส่ถุง เมื่อมีรากงอกออกมาเต็มที่ ก็นำมาลงแปลงปลูกในดิน เหมือนเช่นพืชอื่นๆ ทั่วไป รดน้ำ ให้ปุ๋ยประมาณ 2 – 3 อาทิตย์ต่อครั้ง สตรอเบอร์รี่ก็จะขยายไหลตัวใหม่ สามารถนำไปขยายพันธุ์ต่อได้
