เกษตรกรตรัง ปิ๊งไอเดีย ปลูกพืชผักในตะกร้าพลาสติก หนีน้ำท่วม-ภัยแล้ง

เกษตรกรผู้ปลูกผักชาวตรัง ผุดไอเดีย ปลูกกะหล่ำปลีและพริกไทยในตะกร้าพลาสติก ขายคล่อง ผลตอบรับดีเกินคาด

ที่บ้านเลขที่ 39/4 หมู่ที่ 7 ต.นาหมื่นศรี อ.นาโยง จ.ตรัง ซึ่งเป็นบ้านของนายมณี นิลละออ อายุ 50 ปี หันมาใช้พื้นที่ว่างข้างบ้านเนื้อที่ประมาณ 1 ไร่ ปลูกผักอินทรีย์ และ กะหล่ำปลี ปลอดสารมานานเกือบ 2 ปีแล้ว พร้อมผสมดิน ทำปุ๋ยหมักและสมุนไพรไล่แมลงเองทั้งหมด เพื่อให้ครอบครัวและผู้บริโภคปลอดภัย 100% โดยจบแค่ชั้นมัธยมปลาย แต่อาศัยการศึกษาเรียนรู้ การลองผิดลองถูก และสั่งสมประสบการณ์ จนสามารถปลูกผักทุกชนิดปลอดสารและงดงามได้ทุกฤดูกาล

โดยมีลูกค้าติดตามทางเพจ และเดินทางมาเลือกซื้อถึงบ้าน ซึ่งลูกค้าหลายคนอยากเก็บความสวยงามของต้นกะหล่ำปลีไว้ดูหลายๆ วัน ด้วยทรงพุ่มคล้ายดอกกุหลาบกำลังเบ่งบาน นายมณีฯ จึงผุดไอเดียปลูกกะหล่ำปลีลงดินเพื่อส่งแม่ค้าส่วนหนึ่ง และปลูกในตะกร้าพลาสติกขึ้นส่วนหนึ่ง เพื่อให้ลูกค้าเลือกนำไปตัดใบหรือหัวมาประกอบอาหาร มากน้อยตามความต้องการบริโภคในแต่ละวัน

ซึ่งนอกจากจะคงความสดใหม่แบบไม่ต้องเข้าตู้เย็นแล้ว ยังประหยัดเนื้อที่ สามารถเก็บไว้ตกแต่งบ้านได้อีกหลายวัน โดยมีการแตกแขนงออกมาให้เก็บไปต้มยำทำแกงได้อีกหลายมื้อ นอกจากนี้ ยังซื้อไปประดับอาคารสถานที่ สร้างความสวยงามและมีประโยชน์ทางโภชนาการสูง ไม่มีปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้งหรือภัยธรรมชาติ เพราะสามารถขนย้ายได้ตามความต้องการของลูกค้า ส่วนหัวมีขนาดใหญ่ตั้งแต่หัวละ 2-3 กิโลกรัมเลยทีเดียว โดยสนนราคาขายอยู่ที่ตะกร้าละ 150 บาท ซึ่งแต่ละเดือนมีกะหล่ำปลีไม่ต่ำกว่า 100 ตะกร้า แต่ขายหมดแทบไม่ทันกับความต้องการของลูกค้า

นอกจากนี้ ยังมีการปลูกพริกไทยพันธุ์ปะเหลียนในตะกร้าพลาสติกโดยใช้หลักการ และเหตุผลเดียวกับการปลูกกะหล่ำปลี ราคาขายอยู่ที่ตะกร้าละ 300-1,000 บาท อายุตั้งแต่ 5 เดือน – 1 ปีครึ่ง ซึ่งทุกตะกร้าสามารถเก็บเมล็ดพริกไทยนำไปเป็นอาหารได้แล้ว โดยหากเก็บพริกไทยสดไปขายจะได้กิโลกรัมละ 150 บาท ส่วนพริกไทยตากแห้งขายกิโลกรัมละ 350 บาท ซึ่งต้นพริกไทยพันธุ์ปะเหลียน ที่ให้รสชาติเผ็ดร้อน กลิ่นหอมและมันกว่าพริกไทยทั่วไป จะต้องมีการสั่งจองกันล่วงหน้า เพราะมีคิวยาวถึงเดือนพฤษภาคมนี้

โดยสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรสัปดาห์ละไม่ต่ำกว่า 10,000 บาทเลยทีเดียว และนอกจากเกษตรกรจะปลูกกะหล่ำปลีและพริกไทยแล้ว ยังมีบอนสี รวมทั้งพืชผักสวนครัวต่าง ๆ ไว้รอบบ้าน จนกลายเป็นศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงระดับตำบลไปแล้ว ส่วนใครสนใจสามารถติดตามได้เพจ บ้านสวนน้องแก้วตาประเสริฐอินทรีย์ หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 087-9189248

ด้านนายมณี นิลละออ เกษตรกรเจ้าของแนวคิดปลูกผักในตะกร้าชาวอำเภอนาโยง จ.ตรัง บอกว่า กะหล่ำปลีที่ปลูก เป็นสายพันธุ์ลูกผสมจึงสามารถปลูกได้ในทุกพื้นที่ ตนจึงทดลองปลูก และได้หัวใหญ่ เคยได้ถึงหัวละ 3 กิโลขายกิโลละ 70 บาท เพราะเป็นอินทรีย์ 100% ไม่ใช้เคมี ดินปุ๋ย ฮอร์โมนทำเองทุกกระบวนการ โดยขายตะกร้าละ 150 บาท เอาไปตั้งโชว์ และเก็บผลผลิตได้เลย ผลตอบรับดีมาก มีคนเข้ามาอุดหนุนตลอด ทั้งเจ้าหน้าที่ หน่วยงานราชการ ส่วนพริกไทยในตะกร้าขาย 300 บาทส่วนต้นอายุ 6 เดือนต้นละ 500 บาทตะกร้าใหญ่ต้นละ 1,000 บาทอายุ 1 ปีขึ้นเก็บเกี่ยวได้ทั้งปี และต้องสั่งจองล่วงหน้า เพราะยอดจองตอนนี้ไปถึงเดือนพฤษภาคมนี้แล้ว