เตือนเกษตรกร ระวัง โรคเมลิออยโดสิส ในช่วงฤดูฝน

กรมควบคุมโรค เตือนเกษตรกร ให้เฝ้าระวัง โรคเมลิออยโดสิส ในช่วงหน้าฝน

กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เตือนประชาชนโดยเฉพาะ เกษตรกร ระวังโรคเมลิออยโดสิส ซึ่งพบมากในช่วงฤดูฝน เชื้อสามารถเข้าทางบาดแผล หรือการหายใจ และกินอาหารที่ปนเปื้อนเชื้อเข้าไป ควรหลีกเลี่ยงการเดินลุยน้ำย่ำโคลน อธิบดี กรมควบคุมโรค กล่าวว่า ในช่วงนี้ยังคงมี ฝนตก ในบางพื้นที่ ทำให้มี น้ำท่วมขัง หรือดินชื้นแฉะ ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่น้ำท่วม เกษตรกร หรือผู้ที่ต้องทำงานสัมผัสดินและน้ำ โดยตรง จะมีความเสี่ยงป่วย โรคเมลิออยโดสิส ได้

โดยเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุ จะอยู่ในดิน และในน้ำ จะเข้าสู่ร่างกายได้ทางบาดแผลที่ผิวหนัง การดื่มน้ำ หรือรับประทานอาหารที่ปนเปื้อนเชื้อเข้าไป รวมถึงการสูดหายใจเอาฝุ่นจากดินที่มีเชื้อเจือปนอยู่เข้าไป หลังติดเชื้อประมาณ 1-21 วันจะมีอาการเจ็บป่วย แต่บางรายอาจนานเป็นปี ขึ้นอยู่กับปริมาณเชื้อที่ได้รับและภูมิต้านทานของแต่ละคน

ซึ่งอาการของ โรคเมลิออยด์ หรือ โรคเมลิออยโดสิส จะไม่มีลักษณะเฉพาะ มีความหลากหลายคล้ายโรคติดเชื้ออื่น ๆ หลายโรค เช่น มีไข้สูง มีฝีที่ผิวหนัง มีอาการทางระบบทางเดินหายใจ อาจติดเชื้อเฉพาะที่ หรือติดเชื้อแล้วแพร่กระจายทั่วทุกอวัยวะก็ได้ ส่วนใหญ่มักจะเริ่มจากอาการไข้เป็นหลัก จึงทำให้วินิจฉัยโรคได้ยาก ต้องอาศัยการตรวจเพาะเชื้อทางห้องปฏิบัติการเป็นหลัก เพื่อใช้ประกอบการตรวจวินิจฉัยและรักษา

โดยสถานการณ์ โรคเมลิออยด์ ในปีนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 1 พฤศจิกายน 2564 พบผู้ป่วย 1,955 ราย เสียชีวิต 3 ราย กลุ่มอายุที่พบผู้ป่วยมากที่สุด คือ อายุ 55-64 ปี รองลงมาอายุ 45-54 ปี และอายุมากกว่า 65 ปี ส่วนจังหวัดที่พบอัตราป่วย โรคเมลิออยด์ สูงสุด คือ มุกดาหาร อํานาจเจริญ อุบลราชธานี ยโสธร และศรีสะเกษ ตามลำดับ สำหรับวิธีการป้องกัน โรคเมลิออยด์ สามารถทำได้ดังนี้

1.ผู้ที่มีบาดแผลให้หลีกเลี่ยงการเดินลุยน้ำย่ำโคลนหรือสัมผัสดินและน้ำโดยตรง หากจำเป็นขอให้สวมรองเท้าบูท ถุงมือยาง กางเกงขายาวหรือชุดลุยน้ำ และรีบทำความสะอาดร่างกายด้วยน้ำสะอาดและสบู่

2. หากมีบาดแผลที่ผิวหนัง ควรรีบทำความสะอาดด้วยยาฆ่าเชื้อ หลีกเลี่ยงการสัมผัสดินและน้ำจนกว่าแผลจะแห้งสนิท

3.ทานอาหารปรุงสุก ดื่มน้ำต้มสุกทุกครั้ง

4.หลีกเลี่ยงการอยู่ท่ามกลางลมฝุ่นและสายฝน

5.ลดละเลิกการดื่มเหล้าหรือสูบบุหรี่ ซึ่งจะทำให้สุขภาพดีขึ้นและมีภูมิต้านทานโรคดีขึ้น