ลาออกจากอาชีพครู ผันตัวเองมาเป็นคนเลี้ยงปลา สร้างเงินกว่าหลักแสนต่อปี

ลาออกจากอาชีพครูมาเลี้ยงปลาดุก ใครก็หาว่าบ้าแต่ตอนนี้มีอยู่มีกินจากการเลี้ยงปลา

เปลี่ยนชีวิตจากนักเรียนโรงเรียนกีฬาที่เคยคิดจะเป็นครูได้เปลี่ยนตัวเลือกเส้นทางเกษตรใช้ชีวิตเรียบง่าย โดยทำให้คำว่าเกษตรกลายเป็นอาชีพหลัก เราได้ร่วมพูดคุยกับคุณเจษฎา แซ่ลี้ หรือพี่อ๊อฟ ซึ่งพี่เบนซ์ได้เล่ากับทีมข่าวจันลั่นทุ่งว่า ตนเองก็ไม่ได้คิดจะทำเกษตรตั้งแต่แรกอยู่แล้วเลยไปเรียนต่อ แต่พอจบมาก็เริ่มคิดหลายๆ อย่าง อยากมีอาชีพเป็นของตัวเองและอยากกลับมาดูแลครอบครัวเลยตัดสินใจออกจากอาชีพครูมาเริ่มต้นทำเกษตรที่บ้าน โดยที่บ้านเลี้ยงปลาดุกมาตั้งแต่รุ่นพ่ออยู่แล้วเราเลยมารับช่วงต่อจากพ่อ ซึ่งต้องบอกเลยที่บ้านจะเลี้ยงและขยายพันธุ์ปลาดุกขายเป็นหลัก ซึ่งการเลี้ยงก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเหมือนกัน การเลี้ยงปลาดุกต้องใส่ใจ ต้องคอยดูอาการปลา และที่สำคัญเลยคือเรื่องราคาของอาหารปลา ปลาดุกเป็นสัตว์ที่กินเหยื่อสดเพราะฉะนั้นการที่ปลาได้กินเหยื่อสดในปริมาณที่เยอะก็จะทำให้ปลาโตไวกว่าปกติ ที่บ้านเลี้ยงปัจจุบันก็เกือบ 100ไร่ แต่ก็จะมีทำนาและก็ขยายพันธุ์ปลาด้วย

การเลี้ยงปลาดุกต้องดูหลายปัจจัย ไม่ใช่อยากเลี้ยงก็เลี้ยงเพราะราคาปลาดุกมีขึ้นมีลงต้องบอกเลยการลงทุนค่อนข้างสูงและการเลี้ยงปลาดุกต้องใช้ทุนหนักพอสมควรเพราะระยะเวลาในการเลี้ยงต้องใช้ถึง 4-7 เดือนเพราะฉะนั้นเงินที่เราต้องจ่ายทุกวันคือค่าเหยื่อที่ให้ปลากิน เพราะฉะนั้นในช่วงเวลาที่รอจับปลาที่บ้านก็จะทำนาคู่กับการขยายพันธุ์ปลาดุกขายไปด้วยถ้าเราจะมัวรออย่างเดียวมันจะทำให้ระยะ 4-7 เดือนนั้นไม่มีประโยชน์ เพราะฉะนั้นเราไม่ควรปล่อยเวลาผ่านไป การทำเกษตรต้องใส่ใจอย่ารอหวังแต่กำไร ต้องขยันหาอย่างอื่นทำควบคู่ไปด้วย

ถ้าอยากเลี้ยงปลาดุกให้รอด สิ่งที่สำคัญเลยก็คือเรื่องเหยื่อเราต้องได้ราคาเหยื่อที่ถูกที่สุดและราคาเหยื่อที่คงที่ที่สุด แหล่งอาหารเป็นเรื่องสำคัญปลาดุกยิ่งเราให้กินเยอะระยะเวลาการเลี้ยงเราก็จะสั้นลงจับขายได้ไวขึ้น แต่ก็แรกกับราคาที่เราต้องจ่ายมากขึ้น ปลาดุกเวลาจับขายทีบอกได้เลยว่าได้เป็นแสนๆ ถ้าทำเป็นฟาร์มใหญ่ แต่ก็ต้องขึ้นกับราคา ณ ตอนนั้นด้วยว่าราคาปลาเนื้ออยู่ที่เท่าไหร่ การทำเกษตรทุกอย่างมีความเสี่ยงเพราะฉะนั้นไม่ควรเร่ง รีบ ไม่งั้นเจ้งแน่นอน ต้องค่อย ๆ ทำ พัฒนาฝึกตัวเองเรียนรู้อาการของปลา เพียงเท่านี้เราก็จะมีอาชีพเป็นของตัวเองได้จ้า