นายวิกิจ ผินรับ เกษตรกรหมู่ที่ 2 ต.เกาะสุกร อ.ปะเหลียน จ.ตรัง และเป็นอาจารย์คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการประมง มทร.ศรีวิชัยวิทยาเขตตรัง พาไปดูแตงกวาไข่เข้หรือแตงกวาพันธุ์เล็ก ที่ปลูกไว้บนกระบะยกสูงจากพื้นดินประมาณ 1 เมตร โดยปลูกไว้เพื่อบริโภคในครัวเรือนประมาณ 10 ต้น ซึ่งแตงกวารุ่นแรกก็เก็บกินกันตามปกติตามกำหนดเวลาคือ 40-45 วัน แต่พอปลูกแตงกวาไข่เข้ชนิดเดียวกันรุ่นที่ 2 เกษตรกรได้นำปุ๋ยที่ทำจากเปลือกปูม้าเหลือใช้ในพื้นที่ มาอัดเม็ดและใส่ลงไปในดินเพื่อเพิ่มแร่ธาตุอาหาร เนื่องจากพบว่าในปุ๋ยเปลือกปูม้ามีแคลเซียมและแมกนีเซียมอยู่อย่างหนาแน่น โดยใช้เวลาปลูกเท่ากันคือ 45 วันก็เริ่มเก็บกินเหมือนรุ่นแรก แต่รุ่นนี้เก็บไม่หมด เหลือหลงหูหลงตาอยู่ 1 ลูก พบว่า มีลูกใหญ่กว่าปกติหรือเกือบ 1 กิโลกรัม
เห็นอย่างนั้น เกษตรกรจึงแปลกใจและอยากรู้ว่า แตงกวาไข่เข้ลูกนี้จะใหญ่ได้มากขนาดไหน จึงปล่อยทิ้งไว้เพื่อให้มันใหญ่ได้มากที่สุด ปรากฏว่าไม่กี่วันผ่านไป แตงกวาไข่เข้ลูกนี้มีน้ำหนักเกือบ 2 กิโลกรัมแล้ว และจะยังใหญ่ได้อีก แต่สีจะเปลี่ยนไปคล้ายกับแตงไทย ขณะที่แตงกวาลูกอื่นในเถาเดียวกันก็เป็นแตงปกติ เกษตรกรจึงได้เว้นไว้อีก 1 ลูกเพื่อเก็บเมล็ดไว้ทำพันธุ์ ซึ่งสร้างความประหลาดใจให้กับเกษตรกรเป็นอย่างมาก เพราะตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยพบว่า แตงกวาพันธุ์เล็กหรือแตงไข่เข้จะมีน้ำหนักมากขนาดนี้ จนกระทั่งเริ่มไม่แน่ใจว่าจะใช่แตงกวาไข่เข้จริงหรือไม่ แต่เชื่อว่าสาเหตุที่แตงกวาไข่เข้มีขนาดใหญ่ผิดปกติ เนื่องจากการทดลองใช้ปุ๋ยเปลือกปูม้าเป็นครั้งแรกอย่างแน่นอน
ทั้งนี้ ผลผลิตที่ออกมา มีรสชาติดี กรอบ อร่อย น่ารับประทาน ทำให้เพื่อนบ้านต่างเดินทางมาศึกษาดูงานกันเป็นจำนวนมาก ซึ่งเมื่อชั่งน้ำหนักแตงกวาที่เก็บกินตามปกติโดยใช้เวลาปลูก 45 วันจะมีน้ำหนักแค่ 0.25 กรัม แต่แตงกวาลูกใหญ่ที่ใช้เวลาปลูก 55 วันจะมีน้ำหนักถึง 1.725 กรัมเลยทีเดียว
