นายประชา สุริยะประสิทธิ์ อายุ 50 ปี เกษตรกร รายหนึ่งของบ้านสระตะเคียน ต.สระตะเคียน อ.เสิงสาง จ.นครราชสีมา ได้ปรับแปลงผืนนาเนื้อที่ 2 ไร่ เปลี่ยนมา ปลูกผักบุ้งแก้ว เพื่อส่งขายให้กับตลาด สร้างรายได้เฉลี่ยวันละกว่า 500 บาท
นายประชา สุริยะประสิทธิ์ เล่าว่า ก่อนหน้านี้ตน ทำนา ปลูกข้าวแล้วขาดทุน เพราะที่นามีสภาพเป็นแอ่งกระทะ หรือที่เรียกว่า นาตกหล่ม ทำให้เกิด น้ำท่วมขัง ในช่วงหน้าฝน ต้นข้าวแช่น้ำนาน ทำให้ไม่ได้ผลผลิตเป็นที่น่าพอใจ ตนจึงศึกษาหาวิธีนำเอาพืชชนิดอื่นมาปลูก จนไปพบกับวิธีการ ปลูกผักบุ้งแก้ว ซึ่งเป็นพืชที่ต้องการน้ำเป็นพิเศษ สามารถตอบโจทย์กับสภาพพื้นที่ผืนนาของตนได้ดี
จากนั้น ตนจึงสั่งซื้อพันธุ์ ผักบุ้ง มาปลูกจำนวน 100 กิโลกรัม ลงทุนเป็นเงิน 4,800 บาท และมีเจ้าหน้าที่กองส่งเสริมการเกษตรองค์การบริหารส่วนตำบลสระตะเคียนเข้ามาให้คำแนะนำ เป็นพี่เลี้ยงคอยดูแลอย่างใกล้ชิด ซึ่งวิธีการปลูกจะนำ ต้นพันธุ์ผักบุ้ง มาปักลงในแปลงคล้ายการ ปลูกข้าว จากนั้นก็ให้ปุ๋ยทางน้ำ และทางใบ ใช้เวลาครึ่งเดือนก็เริ่มเก็บเกี่ยวผลผลิตได้แล้ว สามารถเก็บผักบุ้งส่งขายได้ทุกวัน สร้างรายได้วันละประมาณ 500 – 600 บาท ซึ่งราคาผักบุ้งตอนนี้อยู่ที่ราคากิโลกรัมละ 14 – 15 บาท แต่หากในช่วงหน้าแล้ง ราคาจะพุ่งสูงถึงกิโลกรัมละ 40 บาท เลยทีเดียว
ซึ่งจะมีพ่อค้าคนกลางมารับซื้อถึงที่บ้านทุกวัน และตอนนี้ถือเป็นรายได้หลักของครอบครัวไปแล้ว โดยใช้เงินลงทุนน้อย ให้ปุ๋ยแค่เล็กน้อยก็อยู่ได้ยาวเป็นเดือนๆ ศัตรูพืชหรือโรคต่างๆ ก็แทบจะไม่มี ระวังเพียงแมลงตับเต่าเท่านั้น ที่มักจะมากัดกินใบ แต่ก็ดีกว่าต้องลงทุนปลูกข้าว เพราะการปลูกข้าวมีต้นทุนทั้งค่าปุ๋ย ค่ายา ค่าไถ ค่าแรง ค่าเก็บเกี่ยว และต้องเสี่ยงกับสภาพอากาศที่ไม่แน่นอน ซึ่งตั้งแต่ตนเริ่มต้นปลูกผักบุ้งแก้วเมื่อกลางเดือนเมษายนที่ผ่านมา ตอนนี้มีเงินรายได้จากการปลูกผักบุ้งแล้วเกือบ 50,000 บาท ถือเป็นอีกหนึ่งอาชีพที่สร้างรายได้เป็นอย่างดี
