วิธีเลือกซื้อรถมือสองยังไงไม่ให้ซ่อมบ่อยและไม่ต้องเสียเงินเพิ่ม

ใครที่กำลังอยากจะออกรถแต่ไม่มีงบพอที่จะซื้อรถมือหนึ่ง วันนี้เราจะพามาดู 11 วิธีเลือกซื้อรถมือสองอย่างไรไม่ให้ซ่อมบ่อย เพื่อให้ทุกคนไม่ต้องไปเสียเงินค่าซ่อมรถเพิ่มอีกไปดูกันเลย

รถมือสอง อีกหนึ่งทางเลือกของหลายคนที่อยากจะเซฟงบในการออกรถ เพราะมีราคาถูกกว่ารถมือหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้แปลว่ารถมือสองจะสมรรถนะแย่เสมอไป ถ้าเราเลือกซื้อเป็นและรู้วิธีเลือกรถมือสอง แค่นี้ก็ช่วยให้ทุกคนสามารถเลือกมือสองสภาพดีไม่ต้องนำไปซ่อมบ่อย ๆ แล้ววันนี้เราจึงมีวิธีเลือกรถมือสองมาฝาก  จะมีวิธีเลือกอย่างไรบ้างไปดู

1. เลือกซื้อรถมือสองต้องดูสภาพรถมือสองก่อน

สิ่งแรกเลย ในการเลือกซื้อรถมือสอง เพราะรถมือสองคือรถที่ผ่านการใช้งานมาแล้ว มีการสึกหรอไปตามกาลเวลา ถ้าซื้อรถมือสองที่สภาพรถไม่ไหว ก็ต้องเสียตังซ่อมรถค่อนข้างเยอะ ซึ่งเราก็พอจะตรวจสอบเองได้ หลัก ๆ คือ ต้องดูให้แน่ใจว่าเป็นรถที่ไม่คยถูกชนหนักมาก่อน ซึ่งบางทีการตรวจสภาพเพื่อซื้อเลือกรถมือสองนั้นต้องใช้ความเชี่ยวชาญพอสมควร จึงมีอาชีพที่เกิดมาบริการจุดนี่โดยเฉพาะ คือ การรับจ้างตรวจสภาพรถมือสอง คนรับจ้างตรวจมักเป็นคนที่เชี่ยวชาญเรื่องรถ ราคาก็จะต่างกันไปตามข้อตกลง วิธีสังเกตง่าย ๆ ว่ารถคันไหนดีหรือไม่ก็คือ ตรวจสภาพภายนอก ภายใน เครื่องยนต์ ว่ายังใช้งานได้เป็นปกติหรือเปล่า ซึ่งจากที่บอกมาบางอย่างก็เกินกำลังมนุษย์นักขับธรรมดาไปมาก ซึ่งถ้าจะซื้อรถมือสองคันนั้น เราคงต้องสอบถามประวัติจากเจ้าของเดิมและการตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญอย่างละเอียดร่วมด้วย

2. ดูรูปทรงของตัวรถมือสองโดยรวม

ในการเลือกซื้อรถมือสอง คือ ความสมดุลของโครงสร้าง รถใช้งานทั่วไปไม่ควรจะมีส่วนไหนที่เอียงผิดปกติ เช่น กันชน ฝากระโปรง เสาหลังคา ประตู หรือ ความสูงต่ำของด้านหน้ากับด้านหลังรถ ถ้าดูแล้วเห็นว่าเอียง โดยไม่มีการดัดแปลงสภาพรถมา ก็เดาได้เลยว่ารถคันนี้ผ่านการชนแบบหนัก ๆ มาแน่นอน

3. สีรถมือสอง

การซื้อรถมือสองการทำสีเป็นส่วนที่สำคัญมากครับ มันจะบ่งบอกร่องรอยการชนได้จากความหนาของสีแต่ละจุด ซึ่งต้องดูใกล้ ๆ บางคนที่เขาเซียนมาก ๆ จะใช้วิธีเคาะ การทำสีมากน้อยเสียงจะต่างกัน และหมายถึงรอยแผลที่สีกลบอยู่ก็จะมากน้อยต่างกันไปด้วย ในการซื้อรถมือสองอย่าเลือกที่ทำสีมาทั้งคันโดยไม่มีเหตุผลที่ดี เพราะจำเป็นต้องทำสีใหม่หมด นอกจากการชนหนักหรือคว่ำมา

4. โครงหน้ารถมือสอง

ตรงนี้คือการดูสีข้างในเป็นสำคัญ ต้องดูรูนอตว่ากลมเป็นปกติหรือไม่ และดูรูปทรงของคานว่ายังได้รูปได้ทรงเป็นปกติ เพราะคานเป็นส่วนรับน้ำหนักถ้าเคยชนมา จะมีร่องรอยปรากฏอยู่ตรงนี้แน่นอน

5. ในห้อง ฝากระโปรง รถมือสอง

ควรเลือกซื้อรถมือสองที่เรียบร้อยมาในสภาพโรงงานครับ รูนอตต่าง ๆ ต้องกลม ไม่มีรอยทำสีหนา ๆ ที่บ่งบอกว่ากลบร่องรอยจากอุบัติเหตุต่าง ๆ

6. ช่วงล่าง หรือท้องรถมือสอง

ก้มลงมองหน่อย มันจะโชว์ร่องรอยการใช้งานต่าง ๆ ได้ดีเลยล่ะ ว่าการเลือกซื้อรถมือสองในครั้งนี้เป็นรถคันที่ตัวถังได้รูปทรงอยู่ ไม่ได้ผ่านการใช้งานหนัก ซึ่งจะเห็นได้จากท้องรถนี่เอง

7. ภายในรถ

ต้องดูเป็นจุด ๆ ไป  ตั้งแต่เบาะ คอนโซลหน้า พวงมาลัย เกียร์ หน้าปัดไมล์ ผ้าหลังคารถ ของเหล่านี้สังเกตว่าใช้งานได้หรือไม่ด้วยตาเปล่าได้เลยครับ บางส่วนเจ้าของเดิมอาจเปลี่ยนมาใหม่ แต่ถือว่าเป็นส่วนที่ไม่มีอันตรายกับการขับขี่

8. แอร์รถมือสอง

ต้องเย็นและฉ่ำ ถ้าไม่เย็นต้องหาสาเหตุได้ว่ามาจากอะไร น้ำยาแอร์ หรือคอมเพรสเซอร์ หรือ ฯลฯ เหมือนจะเป็นปัญหาเล็ก ๆ แต่แอร์นี่มีปัญหาได้ร้อยแปดมาก ดังนั้นถ้าแก้ปัญหาไม่ได้แบบชัดเจนไม่เสี่ยงดีกว่าภายในรถ

9. ตรวจสอบเอกสารก่อนเลือกซื้อรถมือสอง เมื่อได้คันที่ถูกใจ

เมื่อตัดสินใจเลือก รถมือสองคันที่ถูกใจได้แล้ว เอกสารก็เป็นจุดสำคัญในการตรวจสอบในลำดับต่อมา ตั้งแต่

– มีเล่มทะเบียนถูกต้อง รายละเอียดตรงกับรถที่จะซื้อ เช่น ใครเป็นเจ้าของ เลขตัวถัง เลขเครื่องยนต์ (หากมีการเปลี่ยนเครื่องยนต์ ดัดแปลงสภาพ แจ้งขนส่งหรือยัง ถ้ายังต้องมีใบแนบการซื้อเครื่องยนต์ด้วย)

-เอกสารการซื้อขาย ผู้ขายเตรียมให้ครบถ้วนหรือไม่ เช่น หนังสือสัญญาซื้อขาย สำเนาบัตรประชาชนและสำเนาทะเบียนบ้านของผู้ขาย พร้อมหลักฐานต่าง ๆ ทั้งหมดที่เกี่ยวข้อง ตรวจดูรหัสเครื่องยนต์ เลขทะเบียนรถด้วยว่าตรงกันทุกจุดหรือไม่

10. ทดสอบระบบเบรก

อุปกรณ์ที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งของรถยนต์ไม่ว่าจะเป็นรถใหม่ป้ายแดงหรือรถยนต์มือสอง คือระบบเบรกของรถ ที่จะซื้อควรมีการทดสอบการทำงานของเบรกว่าใช้งานได้ปกติหรือไม่ โดยการทดลองขับ ช้า ๆ และลองย้ำเบรกเบา ๆ ถ้าเบรกอยู่ หยุดสนิทก็แสดงว่าเบรกยังอยู่ในสภาพดี แต่ถ้าเบรกแล้วมีเสียงดังเอี๊ยดอ๊าด นั่นหมายถึงจานเบรกเริ่มสึกเป็นรอยมาก หรือผ้าเบรกเริ่มหมด จนเหมือนกับเหล็กสีกัน ถ้ามีก็ต้องเตรียมงบไว้เจียรจานเบรก เปลี่ยนจานเบรก หรือเปลี่ยนผ้าเบรกใหม่ นอกจากนี้ควรจะก้มดูที่ระบบเบรกที่ล้อทั้งสี่ล้อด้วย ว่าความหนาของผ้าเบรกเหลือเท่าไหร่ (ในกรณีของดรัมเบรกล้อหลัง เช็กยากหน่อย เพราะต้องถอดล้อแกะดุมออกมาดู) มีรอยรั่วซึมของน้ำมันเบรกตามท่ออ่อนหรือไม่ เพราะถ้ามีก็แสดงว่าเบรกมีปัญหา

11. ทดลองขับก่อนที่จะตัดสินใจเลือกซื้อรถมือสอง

แม้สิ่งที่ตาเห็นขณะที่เช็กรถมือสองตอนรถจอดนิ่ง จะดีไปเสียหมด แต่จุดสังเกตของรถมือสองคันที่คุณสนใจ อาจปรากฎออกมาเพิ่มให้คุณรับรู้ได้ในขณะที่คุณทดลองขับ ดังนั้น นอกจากการตรวจสอบภาพรวมแล้ว อย่าลืมเป็นอันขาด! ที่จะทดลองขับเพื่อสังเกตดูปัญหาของรถด้วยไม่ว่าจะเป็นเครื่องยนต์ ช่วงล่าง หรือแม้กระทั้งฟีเจอร์การใช้งานต่าง ๆ ภายในรถเกี่ยวกับไฟฟ้า ฯลฯ ตอนทดลองขับจะบอกคุณได้เพิ่มเติมว่ารถที่ชอบนั้นใช่สำหรับคุณหรือเปล่า

เป็นอย่างไรบ้างกับ 11 วิธีเลือกซื้อรถมือสองยังไงไม่ให้ซ่อมบ่อยที่ทางเพจอีจันตลาดแตกนำมาฝากเพื่อน ๆ ทุกคนสามารถนำวิธีเหล่านี้ไปใช้กันได้นะคะ จะได้รู้ว่าควรเลือกซื้อรถอย่างไรให้ได้รถมือสองสภาพดีและไม่ต้องเสียค่าซ่อมรถบ่อย ๆ กันนะคะ