วิธีคำนวณคะแนน ส.ส.บัญชีรายชื่อ 100 คน ในศึกเลือกตั้ง 2566

เปิดวิธีคำนวณคะแนน ส.ส.บัญชีรายชื่อ 100 คน ในศึกเลือกตั้ง 2566 และการคาดการณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อที่จะได้ของพรรคใหญ่

เหลือเวลาอีกเพียงเดือนกว่า คนไทยทุกคนที่มีสิทธิเลือกตั้ง จะได้ใช้สิทธิในการเลือก ส.ส.แบบแบ่งเขต และส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ (ปาร์ตี้ลิสต์) กันแล้ว โดยวันที่  7 พฤษภาคม 2566 เป็นวันที่ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กำหนดให้เป็นวันเลือกตั้งล่วงหน้า และวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 เป็นวันเลือกตั้งทั่วไป

ซึ่งวันที่ 3 เมษายน 2566 กกต.ได้เปิดรับสมัคร ส.ส.แบบแข่งเขต 400 เขตทั่วประเทศ และวันที่ 4 เมษายน 2566 ได้เปิดรับสมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ (ปาร์ตี้ลิสต์) โดยจะปิดรับสมัครในวันที่ 7 เมษายน 2566

เพื่อให้ทุกคนเข้าใจการได้มาซึ่ง ส.ส.แบบปัญชีรายชื่อ อีจัน ขออธิบายวิธีการคำนวณคะแนนเสียงให้อ่านกันค่ะ

วิธีคำนวณ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ได้เปลี่ยนกติกาในรัฐธรรมนูญ จากการเลือกตั้งปี 2562 ซึ่งกติกาเลือกตั้งปี 2566 เปลี่ยนมาเป็นบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ แบ่งเป็น บัตร ส.ส.เขต และ บัตร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ต่างจากกติกาเลือกตั้งปี 2562 ที่มีบัตรใบเดียว

วิธีคำนวณคะแนน ส.ส.บัญชีรายชื่อ

การคำนวณคะแนน ส.ส.บัญชีรายชื่อ  บัญญัติไว้ใน มาตรา 128 ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2566 ไว้ว่า เมื่อ กกต.ได้รับรายงานผลรวมคะแนนแบบบัญชีรายชื่อจาก ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดแล้ว ให้ดำเนินการคำนวณสัดส่วนเพื่อหาผู้ได้รับเลือกตั้งเป็น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ ดังต่อไปนี้

ข้อ 1.ให้รวมผลคะแนนบัญชีรายชื่อทั้งหมดที่ทุกพรรคการเมืองได้รับจากการเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อทั้งประเทศ

ข้อ 2.ให้นำคะแนนรวมจากทุกพรรคตามข้อ 1 หารด้วย 100 ผลลัพธ์ที่ได้ให้ถือเป็นคะแนนเฉลี่ยต่อ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ 1 คน

ตัวอย่าง : ถ้ามีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง กาบัตรบัญชีรายชื่อทั้งหมด 35 ล้านคะแนน ก็จะนำ 35 ล้านคะแนนมาหารด้วย 100 ซึ่งเป็นจำนวนของ “ส.ส.บัญชีรายชื่อ” ในสภาทั้งหมด ผลลัพธ์ที่ได้คือ 350,000 คะแนน

ข้อ 3.จากนั้น ในการคำนวณว่า แต่ละพรรคการเมืองจะได้ จำนวน ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อกี่คน ให้นำคะแนนรวมจากการเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อที่แต่ละพรรคการเมืองได้รับ “หารด้วย” คะแนนเฉลี่ยตามข้อ 2 ผลลัพธ์ที่ได้เฉพาะส่วนที่เป็นจำนวนเต็มคือจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองนั้นได้รับ

ตัวอย่าง : กรณี พรรค ก.ได้คะแนน ส.ส.บัญชีรายชื่อ 700,000 คะแนน (นับเฉพาะจำนวนเต็ม) นำมาหารกับคะแนนเฉลี่ย 350,000 ซึ่งเป็นผลลัพธ์ตาม ข้อ 2 เท่ากับ พรรค ก.จะได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 2 คน

ข้อ 4.ในกรณีที่จำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองได้รับรวมกัน ทุกพรรคการเมืองมีจำนวนไม่ครบ 100 คน ให้พรรคการเมืองที่มีผลลัพธ์ที่เป็นเศษโดยไม่มีจำนวนเต็ม และพรรคการเมืองที่มีเศษหลังจากการคำนวณตามข้อ 3

พรรคใดเป็นหรือมีเศษจำนวนมากที่สุด ให้ได้รับจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่ออีก 1 คนเรียงตามลำดับ จนกว่าจะมีจำนวน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองทั้งหมดได้รับรวมกันครบจำนวนหนึ่งร้อยคน

กล่าวคือ หากคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อครบทุกพรรคแล้ว จำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อในสภายังไม่ครบ 100 คน ให้ย้อนกลับไปดูผลคะแนนของแต่ละพรรคที่มีคะแนนเศษ จากนั้นเรียงลำดับพรรคที่ได้เศษมากที่สุด จะได้ ส.ส.เพิ่มอีก 1 คน โดยเรียงเศษลงมาจนกว่าจะได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อในสภาครบ 100 คน

ข้อ 5.ในการดำเนินการตามข้อ 4 ถ้าในลำดับใดมีเศษเท่ากันและจะทำให้จำนวน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อเกินจำนวน 100 คน ให้ตัวแทนของพรรคการเมืองที่มีเศษ เท่ากันจับสลากตามวันและเวลาที่ กกต.กำหนด เพื่อให้ได้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อครบจำนวน

ทั้งนี้ พรรคการเมืองต่างๆ ได้คาดการณ์จำนวนเสียงที่จะได้รับ รวมถึงจำนวนลำดับ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ที่คาดว่าจะได้ ในการเลือกตั้ง 2566 ไว้คร่าว ๆ ดังนี้

พรรคเพื่อไทย คาดว่าลำดับที่จะได้เป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ จะอยู่ที่หมายเลย 1-50 คาดว่าจะต้องได้คะแนน 17.5 ล้านเสียง

พรรคพลังประชารัฐ คาดว่าลำดับที่จะได้เป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ คือ ลำดับที่ 1-20 ดังนั้นต้องมีคะแนน 7 ล้านเสียง

พรรครวมไทยสร้างชาติ คาดว่าลำดับที่คาดว่าจะได้เป็น ส.ส.คือ ลำดับที่ 1-15 คะแนนพรรครวม 5.25 ล้านเสียง

พรรคประชาธิปัตย์ คาดว่าจะได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อในลำดับที่ 1-12 คาดว่าจะต้องได้คะแนน 4.2 ล้านเสียง

พรรคภูมิใจไทย คาดว่าจะได้เป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 1-5 ดังนั้น จึงต้องมีคะแนน 1.75 ล้านเสียง