เปิดผลสำรวจ นิด้าโพล-สวนดุสิตโพล คนไทยอยากได้ใครเป็นนายกฯ

นิด้าโพล-สวนดุสิตโพล เปิดผลสำรวจ คนไทยอยากได้ใครเป็น ‘นายกรัฐมนตรี’ คนที่ 30

วันเลือกตั้งทั่วไปในการเลือกตั้ง 2566 ถูกเคาะแล้ว เป็นวันอาทิตย์ที่ 14 พ.ค.66 ขณะที่ วันเลือกตั้งล่วงหน้า คือวันอาทิตย์ที่ 7 พ.ค.66 บรรยากาศการเข้าคูหาไปกาเลือกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ที่จะมีอำนาจเลือกผู้นำประเทศกลับมาอีกครั้ง

ด้าน ศูนย์สำรวจความคิดเห็น ‘นิด้าโพล’ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจของประชาชน เรื่อง ‘คน กทม. เลือกพรรคไหน’ ซึ่งทำการสำรวจระหว่างวันที่ 15-21 มี.ค.66 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป และมีสิทธิเลือกตั้งในกรุงเทพมหานคร ครอบคลุมพื้นที่ทั้ง 50 เขต กระจายทุกระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ รวมทั้งสิ้น จำนวน 2,500 หน่วยตัวอย่าง

จากการสำรวจเมื่อถามถึงบุคคลที่คนกรุงเทพมหานครจะสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีในการเลือกตั้งครั้งนี้ พบว่า 5 อันดับสูงสุด เป็นดังนี้

1.นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ (พรรคก้าวไกล) ร้อยละ 25.08

2.น.ส.แพทองธาร ชินวัตร (พรรคเพื่อไทย) ร้อยละ 24.20

3.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา (พรรครวมไทยสร้างชาติ) ร้อยละ 18.24

4.คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ (พรรคไทยสร้างไทย) ร้อยละ 5.96

5.พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส (พรรคเสรีรวมไทย) ร้อยละ 5.68

สำหรับพรรคการเมืองที่คนกรุงเทพมหานครจะเลือกให้เป็น ส.ส.แบบแบ่งเขต พบว่า 5 อันดับสูงสุด เป็นดังนี้


1.พรรคเพื่อไทย ร้อยละ 34.92

2.พรรคก้าวไกล ร้อยละ 27.72

3.พรรครวมไทยสร้างชาติ ร้อยละ 14.32

4.พรรคประชาธิปัตย์ ร้อยละ 6.76

5.พรรคชาติพัฒนากล้า ร้อยละ 3.32

ด้านพรรคการเมืองที่คนกรุงเทพมหานครจะเลือกให้เป็น ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ (ปาร์ตีลิสต์) พบว่า 5 อันดับสูงสุด เป็นดังนี้

1.พรรคเพื่อไทย ร้อยละ 34.40

2.พรรคก้าวไกล ร้อยละ 28.76

3.พรรครวมไทยสร้างชาติ ร้อยละ 14.68

4.พรรคประชาธิปัตย์ ร้อยละ 6.08

5.พรรคชาติพัฒนากล้า ร้อยละ 3.48

ขณะที่ ‘สวนดุสิตโพล’ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นของประชาชนเฉพาะผู้ที่มีสิทธิเลือกตั้งทั่วประเทศ กรณี ‘คนไทยนิยมพรรคการเมืองใด’ กลุ่มตัวอย่างจำนวน 10,614 คน (สำรวจทางภาคสนาม) ระหว่างวันที่ 1-17 มี.ค.66 ก่อนที่จะประกาศยุบสภา พบว่า พรรคที่คนไทยนิยมเป็นอันดับ 1 คือ พรรคเพื่อไทย ร้อยละ 46.16 


รองลงมาคือ พรรคก้าวไกล ร้อยละ 15.43 พรรคภูมิใจไทย ร้อยละ 11.12 พรรครวมไทยสร้างชาติ ร้อยละ 8.73 และพรรคประชาธิปัตย์ ร้อยละ 7.71 เมื่อจำแนกตามอายุ พบว่า กลุ่มอายุ 18-30 ปี นิยมพรรคก้าวไกลมากที่สุด ร้อยละ 37.85 ส่วนกลุ่มอายุ อื่นๆ นิยมพรรคเพื่อไทยมากที่สุด เมื่อจำแนกตามภูมิภาค พบว่า กรุงเทพฯ ภาคกลาง ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือนิยมพรรคเพื่อไทยมากที่สุด ส่วนภาคใต้นิยมพรรคประชาธิปัตย์มากที่สุด ร้อยละ 24.71 ตามมาด้วยพรรคเพื่อไทย ร้อยละ 21.72

ด้าน น.ส.พรพรรณ บัวทอง นักวิจัย สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต เผยว่า คะแนนความนิยมของพรรคเพื่อไทย ยังคงพุ่งแรงและได้รับการตอบรับอย่างดีจากแทบทุกกลุ่มอายุ แม้กลุ่มอายุ 18-30 ปี จะนิยมพรรคก้าวไกลมากที่สุด แต่รองลงมาก็เป็นพรรคเพื่อไทย สะท้อนให้เห็นว่าแคมเปญแลนด์สไลด์ หรือ เลือกตั้งแบบมียุทธศาสตร์

อาจจะกำลังเห็นผลจากการที่คนต้องการเปลี่ยนแปลงและวิธีการที่จะมีเสียงข้างมากในสภา ก็คือต้องรวมกันให้ได้มากกว่าเสียง ส.ว. ผลโพลครั้งนี้คะแนนนิยมของพรรคเพื่อไทยจึงครอบคลุมแทบทุกพื้นที่ ถึงแม้ภาคใต้พรรคประชาธิปัตย์ยังคงกอดด้ามขวานไว้แน่นแต่ก็ต้องยอมรับว่า คะแนนนิยมนั้นลดลง ทุกพรรคการเมืองจึงต้องเร่งทำคะแนนชิงพื้นที่กันมากขึ้น เพราะการเลือกตั้งครั้งนี้ใครๆ ก็อยากกินข้าวร่วมโต๊ะเป็นรัฐบาลร่วมกัน

ขณะที่ ผู้ช่วยศาสตราจารย์สรศักดิ์ มั่นศิลป์ รองคณบดีโรงเรียนกฎหมายและการเมือง มหาวิทยาลัยสวนดุสิต เผยว่า จากผลโพลจะเห็นได้ว่า พรรคการเมืองที่ประชาชนนิยมเป็นอันดับ 1 คือ พรรคเพื่อไทย สะท้อนความคิดเห็นของประชาชนในแง่ที่ว่าต้องการความเปลี่ยนแปลงจากพรรคการเมืองฝ่ายรัฐบาลเดิม รวมทั้งประชาชนอาจมีความชื่นชอบนโยบายของพรรค เช่น เรื่องค่าจ้าง 600 บาทต่อวัน เงินเดือนปริญญาตรี 25,000 บาท

ส่วนพรรคที่ได้คะแนนนิยมอันดับ 2 คือ พรรคก้าวไกล ซึ่งถือว่าเป็นขวัญใจของคนรุ่นใหม่ โดยพรรคมุ่งเน้นลดความเหลื่อมล้ำ เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และการขจัดการสืบทอดอำนาจ

ส่วนพรรคการเมืองอื่นๆ ก็มีนโยบายที่มุ่งเน้นตอบโจทย์ความต้องการของประชาชนในระดับรากหญ้า เช่น การพักหนี้ 3 ปีของพรรคภูมิใจไทย บัตรสวัสดิการพลัส 1,000 บาทต่อเดือนของพรรครวมไทยสร้างชาติ การประกันรายได้พืชผลทางการเกษตรของพรรคพรรคประชาธิปัตย์ การเพิ่มวงเงินบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 700 บาทต่อเดือนของพรรคพลังประชารัฐ เป็นต้น คงต้องมาลุ้นภายหลังการเลือกตั้งว่าพรรคการเมืองใดจะได้จัดตั้งรัฐบาลและมาบริหารประเทศของเราต่อไป

ผลโพลเป็นเพียงส่วนหนึ่งของผู้ที่สิทธิเลือกตั้งเท่านั้นนะ ยังไงทุกคนก็ต้องออกไปเลือกตั้ง เพื่อให้ได้ ‘นายกรัฐมนตรี’ ที่มาจากการเลือกตั้งอย่างแท้จริง

คลิปอีจันแนะนำ
ยุบสภาแล้ว! มีผลทันที